โจรชิงทรัพย์ร้านทองตกใจเสียงหวอ รุดเข้ามอบตัว รับสารภาพน้ำตานองหน้า เผยไม่คิดอยากเป็นโจร แต่สถานการณ์บีบบังคับ ปมทะเลาะกับแฟนสาวเพราะเศรษฐกิจไม่ดี-ไม่มีเงินใช้ แถมสงสารแฟนไม่อยากให้ลำบากก่อนจะลงมือประชดบุกปล้นร้านทอง แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากตกใจเสียงหวอ-กลัวความผิด จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 มี.ค.63 ภายใต้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้ร่วมสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท. อพิเชฐ จิตอักษร หน.ชปส.ภ.จว.ตรัง ร.ต.อ.ศิวกรณ์ แป้นไทย รอง หน.ชปส.ภ.จว.ตรัง ร่วมกับ ชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง บก.รน.(ตำรวจน้ำตรัง) และ กอ.รมน.จว.ตรัง ร่วมกันรับมอบตัวผู้ต้องหาคือ นายนฤนาท แก้วนุ่ม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 หมู่ที่ 4 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง อาชีพรับจ้างทั่วไป ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ 99/2563 ลงวันที่ 11 มี.ค.63 ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน “พยายามชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน” , “โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ขับขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ้กไอ 125 สีแดง-ดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ สวมหมวกกันน็อค และสวมแมสก์ปิดบังใบหน้า บุกเดี่ยวเข้าร้านทองเยาวราช สาขาตรัง เลขที่ 14/22 หมู่ 2 ถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง (ตรงข้าม เทสโก้ โลตัส สาขาตรัง) โดยใช้อาวุธปืนลูกซองพกสั้นไทยประดิษฐ์ (ภาษาใต้หักคอไอ้เท่ง) จ่อข่มขู่ให้พนักงานร้านทองดังกล่าวนำทองมาให้ แต่ปรากฏว่าพนักงานกลับตกใจจึงรีบวิ่งเข้าหลังร้านก่อนจะกดสัญญาณเตือนไปยังโรงพัก ขณะที่พนักงานร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีที่อยู่ติดกันได้กดสัญญาณเตือนซึ่งเป็นเสียงหวอ หรือเสียงไซเรน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะตกใจจนฉี่แทบราดและรีบไว้ออกจากร้านจนลื่นล้มและขับรถหลบหนีไป
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ตร.ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นของคนร้ายที่ใช้หลบหนี กระทั่งไปพบรถคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและมีหมวกกันน็อคแบบเต็มใบตั้งอยู่บนเบาะรถด้วย จอดทิ้งไว้ในป่าสวนปาล์มน้ำมันที่บริเวณ เขตรอยต่อระหว่าง อ.เมืองตรัง และ อ.นาโยง จ.ตรัง บริเวณบ้านควนจุก ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จนกระทั่งในวันนี้ทางผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนเองประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ขณะที่แฟนสาวทำงานรับจ้างอยู่ภายในร้านน้ำชา-กาแฟ ก่อนหน้าประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เงินไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย จึงเกิดเรื่องทะเลาะกับแฟนสาว มีปากเสียงกัน จนเกิดปัญหาครอบครัว ประกอบกับสงสารแฟนสาว โดยที่คิดว่าไม่อยากให้ลำบาก ตนเองด้วยความโมโหและอยากประชดเนื่องจากหาทางออกไม่ได้ จึงตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ นำอาวุธปืนผิดกฎหมายไปลงไปลงมือเหตุ แต่ด้วยความตกใจเสียงหวอ และหวาดกลัว จึงตัดสินใจหลบหนีออกมาจากร้านทองทันที ก่อนนำรถไปทิ้งไว้ และเข้ามอบตัว.
อย่างไรก็ตามตลอดการสอบสวนผู้ต้องหาอยู่ในอาการร่ำไห้ตลอดเวลา เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ข้อหาชิงทรัพย์มีโทษตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับ หนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นบาท แต่กรณีนี้อยู่ในขั้นพยายามตามกฎหมาย รับผิดสองในสามส่วน ก่อนที่จะนำตัวส่ง ร.ต.อ.วิชิต รัตนธรรมโม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เพื่อทำแผนประกอบรับคำสารภาพ เวลา 13.30 น.วันที่ 12 มี.ค.” ที่ห้างทองเยาวราช สาขาหน้าห้างโลตัสจุดเกิดเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.