หนุ่มตรังใจบุญ น้ำตาคลอ ตกเป็นเหยื่อ ซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 หนุ่ม สั่งซื้อหน้ากากอนามัยผ่านเฟซบุ๊ก ช้ำใจโดนโกงคนขายเผ่นหนี สูญเงินกว่า 1.9 หมื่นบาท โร่เข้าแจ้งความ-ร้องสื่อ หลังโอนเงิน ปิดมือถือ-เพจหนีหาย ก่อนเข้าแจ้งความวอน ตร.ตามลากคอ เผยมีผู้เสียหายอีกหลายราย
วันนี้ 3 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้รับรับร้องร้องทุกข์จาก นายกรณพัฒน์ เพ็งเผา อายุ 25 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 10 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ได้นำเอกสารประวัติการโอนเงินและแชทการสนทนาที่ได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย หรือแมสก์ เพื่อนำมาบริจาค และจำหน่าย แต่กลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ต้องการ ผ่านเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “AUM ketkhao”
นายกรณพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้จะมาเรียกร้องความเป็นธรรมเนื่องจากตนได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยกับผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งที่ตัดสินใจสั่งซื้อนั้น จะเอามาบริจาคส่วนหนึ่ง เอามาแจกจ่าย และอีกส่วนหนึ่งจะนำมาจำหน่าย ตนก็ได้ตกลงราคากันที่กล่องละ 650 บาท ตนได้สั่งไป 30 กล่อง เป็นเงินมูลค่า 19,500.45 บาท ได้โอนเงินไปครบหมด โอนไป 3 ยอด ไปยัง 2 บัญชี แต่ชื่อเจ้าของบัญชีกับชื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กนั้นไม่ตรงกันเลย ตนได้โอนมัดจำเพื่อยืนยันว่าตนต้องการที่จะสั่งสินค้าจริง ไปยังเจ้าของบัญชี นางสาวสุนทรี คงกระพัน ธ.กสิกรไทย อีก 2 ยอด ได้โอนไปยัง เจ้าของบัญชี วนิชา แสงสุริ ธ.กรุงเทพ รวมยอดเงินทั้งหมด 19,500.45 บาท ตอนที่ตกลงกันเขาบอกว่าจะส่งสินค้าภายในวันจันทร์ 30 มี.ค.63 ที่ผ่านมา
นายกรณพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จึงสอบถามผ่านเฟซบุ๊กเพื่อขอเลขพัสดุ หลังจากนั้นเขาก็ตัดการติดต่อไปเลย เบอร์มือถือก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว เย็นวันนั้นเราก็รู้เลยว่าเรากำลังโดนหลอก เริ่มใจไม่ดีแล้วว่าทำไมเขาถึงขาดการติดต่อ หลังจากนั้นรุ่งเช้าวันที่ 31 มี.ค. ตนจึงเดินทางไปยัง สภ.นาโยง เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน แจ้งกับร้อยเวรไว้ว่าโดนฉ้อโกงไปแล้ว
นายกรณพัฒน์ กล่าวอีกว่า อยากฝากไว้กับคนในสังคมว่าตอนนี้การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เราต้องเช็คให้ดีก่อนว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กจริงหรือเปล่า เราต้องขอบัตรประชาชนและขอบุ๊คแบงค์ (bookbank) ซึ่งต้องให้ตรงกับบัญชีธนาคารเพื่อสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น หลังจากที่เจอเหตุการณ์นี้ตนก็รู้สึกเจ็บปวดเลย เพราะเพื่อนได้ฝากเงินมาสั่งซื้อกับเราด้วย เป็นเงินคนอื่นด้วย ส่วนเงินเรามีแค่บางส่วน เราก็เดือดร้อนเราต้องเอาเงินไปคืนเพื่อนด้วย อยากฝากถึงพวกเขาว่า ในช่วงวิกฤตแบบนี้คนอื่นเขามีเจตนาดี หรือเขาอยากสร้างรายได้ แต่เขามาทำแบบนี้ หากินช่องทางนี้ ก็อยากให้เขานึกถึงใจเขาใจเราด้วย ถือว่าเป็นการซ้ำเติมมาก ส่วนใหญ่ในยามวิกฤตแบบนี้คนส่วนใหญ่เขามักจะช่วยเหลือกันมากกว่าการหาผลประโยชน์ในช่องทางนี้
อยากฝากถึงสื่อ พี่ๆนักข่าวช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้ ซึ่งเคสแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อย บางครั้งก็เงียบหายไปจากสังคมทำให้คนร้ายยังคงลอยนวลอยู่ในสังคมได้ปกติ ก็อยากฝากไว้ตรงนี้ด้วย ผู้เสียหายกล่าวปิดท้าย.
