สภาพความเป็นอยู่แร้นแค้น ญาติน้ำตาอาบแก้ม! ร้องผ่านสื่อถึงรัฐบาลไทย ช่วยลูกเรือประมงชาวตรัง 33 ชีวิต กลับไทยด่วน! หลังถูกลอยแพทอดทิ้งกลางทะเลรัฐเปอร์ลิส มาเลเซีย หลังถูกปิดด่านห้ามเข้าออก ซ้ำร้ายเรือประสบอุบัติเหตุชนเกาะล่มกลางท้องทะเล ไร้ซึ่งเสื้อผ้า-อาหาร และที่นอน เมีย-ญาติร่ำไห้ขาดเสาหลัก ถึงขั้นต้องกินยานอนหลับ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 8 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก ครอบครัวของลูกเรือชาวประมงไทยจำนวน 33 ชีวิต ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.กันตัง จ.ตรัง ได้เดินทางไปรับจ้างเป็นลูกเรือประมงของเรือสัญชาติมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กำหนดระยะเวลาจำนวน 22 วัน แต่ต้องหยุดการประมงกลางครัน ในวันที่ 27 มี.ค.เพราะประเทศมาเลเซียได้สั่งปิดด่านเข้าออก มิหนำซ้ำระหว่างที่แล่นเรืออยู่ได้ประสบอุบัติเหตุเรือชนเข้ากับเกาะ ทำให้เรือล่มไปครึ่งลำ แต่โชคดีที่มีเรือของเพื่อนชาวประมงเข้ามาช่วยเหลือ จนต้องทิ้งสัมภาระ สละ เสื้อผ้า รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งในขณะนี้ขาดเครื่องนุ่งห่ม และอาหารโดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆ อีกทั้งไม่มีการทำหนังสือส่งตัวให้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน มีความเป็นอยู่ที่ลำบากเป็นอย่างมาก และยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง
ต่อมาหลังจากทราบเรื่องผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปยังพื้นที่ บ้านสิเหร่ (บ้านหัวท๋อง) หมู่ 6 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นชุมชนชาวประมงที่ญาติของ 4 ชีวิต ในทั้งหมด 33 ชีวิตอาศัยอยู่ และได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์มือถือ กับ นายพิพัฒน์ จันทร์ตุด หรือบังหมัด อายุ 33 ปี หนึ่งในลูกเรือที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ตอนนี้ความเป็นอยู่ของเรานั้นค่อนข้างลำบาก อาหาการกินมีเถ้าแก่เข้ามาดูแลบางเวลา แต่อดมื้อกินมื้อ ทุกคนอยากกลับบ้านมากตอนนี้รอเขาเปิดด่านก่อน งานก็ไม่ได้ทำ เรือก็พังเพราะไปชนเข้ากับเกาะ อยากบอกครอบครัวว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไร ได้กลับมาที่ฝั่งแล้วไม่ต้องเป็นห่วง รอเขาเปิดด่านหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็สามารถกลับได้ โดยก่อนที่เรือจะประสบอุบัติเหตุนั้น ทุกคนกำลังกลับจากขึ้นปลา อยู่ระหว่างการเดินทาง ทุกคนเริ่มอ่อนเพลียรวมถึงไต๋เรือ ทำให้ไต๋เรือหลับในพุ่งชนเกาะ เรือก็ทรุดลงน้ำเรื่อยๆ ใช้เวลาอยู่ในเรือตั้งแต่ตี 1 ถึงเช้า ก่อนจะมีเรืออีกลำหนึ่งเข้าช่วย ทุกคนปลอดภัยดี แต่ตอนนี้อยากกลับบ้านคิดถึงลูกเมียมาก โดยตอนนี้ได้ขึ้นมาอยู่บนแพที่บนฝั่งแล้ว
ขณะที่ น.ส.ฐิติศรี หาบหา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 6 ต.บ่อน้ำร้อน ภรรยา นายพิพัฒน์ จันทร์ตุด หรือบังหมัด และนางจำปี เชื้อเพชร อายุ 48 ปี แม่ยาย กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกเป็นห่วงสามี และคนอื่นๆที่ยังไม่ได้กลับมา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ ปกติไปประมาณ 22 วัน ตอนที่รู้ข่าวครั้งแรกรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ก็มีการพูดคุยกันบ้าง คนในเรือก็อดมื้อกินมื้อ มีเถ้าแก่มาดูบ้าง หลังจากเกิดเหตุก็ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย ยังไม่ได้สอบถามอะไรจากอำเภอแต่ก็ไม่มีใครประสานความเคลื่อนไหวอะไร อยากให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยพาออกจากต่างประเทศ คนที่อยู่ในเรือลำนั้นแต่ละคนก็ได้ออกไปหาเลี้ยงครอบครัวทุกๆเดือน ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงมากอยากให้เขากลับมา
นางร่อเรียะ สุเหร็น อายุ 56 ปี แม่ของพิชัย สุเหร็น อายุ 30 ปี หนึ่งในลูกเรือ กล่าวว่า อยากให้มีหน่วยงานช่วยเหลือให้เขาได้กลับมาบ้าน ที่ผ่านมาก็ได้คุยกับลูกชาย เขาก็บอกว่าอดมื้อกินมื้อ กินอยู่ลำบาก ไม่มีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยน เมื่อรู้ข่าวว่าลูกลำบากตนรู้สึกไม่ดี ทั้งตนยังเป็นโรคหัวใจด้วย ตอนนี้ก็อยู่กับสามี 2 คน ตนมีลูก 4 คนซึ่งคนที่อยู่ในเรือเป็นลูกสุดท้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกกับแฟนเขาก็รออยู่ อยากให้เขาช่วยเหลือให้ได้กลับมาบ้านก่อน ตอนนี้ตนก็พยายามไม่คิดมาก แต่ก็อดคิดไม่ได้ ตั้งแต่รู้ข่าวก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องกินยานอนหลับคืนละ 2 เม็ด ตอนนี้ต้องดิ้นรนกับชีวิตเพราะขาดเสาหลักไปแล้ว ตนได้ขอดุอาอ์องค์อัลเลาะห์ ขอพรให้ท่านช่วยเหลือให้ทุกคนปลอดภัย ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.