บ้านป่าเมืองเถื่อน! คนร้ายเหิมก่อเหตุขว้างขวดโซดา-ก้อนหิน ใส่ร้านนวดชื่อดังกลางเมืองตรัง ติดรั้วบ้านพักผู้พิพากษา กว่า 4 ครั้งซ้อน เสียหายยับ หมอนวด-ลูกค้าวิ่งหนีกระเจิง ซ้ำเติมโควิด-19 เย้ยกฎหมายพูดข่มขู่ “ตำรวจก็ไม่กล้าจับ” หอบเอกสารร้องนักข่าว หลังคดีไม่คืบจี้ตำรวจตามลากคอมาดำเนินคดี
ที่ จ.ตรัง วันที่ 9 เม.ย.63 นายทิวา สุทธิคณะ หรือโกวา อายุ 54 ปี พร้อมด้วย นางทองทิพย์ เพิ่มพูน หรือเจ๊ทิพย์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้าน “หนึ่งเดียวนวดเพื่อสุขภาพ” ตั้งอยู่เลขที่ 10/3 ซ.3 วิเศษกุล ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง อ.เมืองตรัง ซึ่งอยู่ห่างจากกำแพงบ้านพักผู้พิพากษาศาล จ.ตรัง เพียง 10 เมตร ได้เดินทางเข้าพบผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง พร้อมนำเอกสารและหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคลิปกล้องวงจรปิด เข้าร้องเรียน หลังจากเกิดเหตุการณ์มีคนร้ายใช้ขวดโซดา ก้อนหิน ขว้างใส่ร้านจนทำให้เสียหายจำนวน 4 ครั้งแล้ว โดยได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ รวมทั้งคนร้ายได้มีการข่มขู่จนทำให้เกิดความหวากลัว
นายทิวา กล่าวว่า ตนได้เซ้งร้านจากเจ้าของเดิมได้ประมาณ 9 เดือนกว่า จู่ๆก็เกิดปัญหาขึ้นมาหลังจากมีผู้ชายรายหนึ่งเข้ามาก่อนกวนที่ร้านเพราะตามหาผู้พนักงานหญิงคนหนึ่ง แต่ตนก็ได้แจ้งไปแล้วว่าพนักงานคนนั้นไม่อยู่ แต่เขาไม่เชื่อ มีการโทรมาก่อกวนตั้งแต่เดือน ก.พ. ตนก็ได้ให้เขาเข้ามาหา แต่ก็ไม่เข้ามา หลังจากนั้นเขาได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีขึ้นมาครั้งแรกวันที่ 5 มี.ค. 63 เวลา ตี 1 กว่า เขาได้เอาขวดโซดาจืดใส่น้ำ ปาที่ร้านชั้น 2 ทางเราก็ตกใจออกไปดู ปรากฏว่าเขาหนี มีการโทรมาก่อกวน ถัดไปอีกสัปดาห์หนึ่ง เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกทำให้กระจกบานใหญ่แตก ทำให้แขกที่มาใช้บริการในร้านตกใจ เพราะคิดว่าเสียงปืน ผ่านไปเขาได้เงียบไปสักพัก ซึ่งทางร้านได้ทำตามมาตรการของรัฐมีการปิดร้านชั่วคราว เพื่อป้องกันโควิดตั้งแต่ 19 มี.ค. 63 ต่อมาวันที่ 25 มี.ค.63 เขากลับมาก่อเหตุแบบเดิมมีการนำก้อนหินโยนเข้าไปในร้านชั้นบน ทำให้กระจกมุ้งลวดขาด ซึ่งตอนนั้นตนก็อยู่ในร้านแต่โชคดีอยู่คนละห้องกัน เมื่อเปิดประตูออกมาดูเขาก็ขับรถหนี ต่อมาวันที่ 26 มี.ค.63 ช่วงเย็นเขาได้ขับรถเวียนมาหน้าร้านทำกร่างไม่กลัวใคร เปิดเพลงเสียงดัง บีบแตรใส่ ตนก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาโดยทางตำรวจได้มาดูแลสถานการณ์ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน วันต่อมาวันที่ 27 มี.ค. เขาได้ใช้ขวดโซดาเข้ามาอีก ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ตนก็ได้แจ้งความตลอด มีการให้ปากคำ และส่งหมายเรียกไปแล้วครั้งที่ 1 แต่เขาก็ไม่มาตามหมายเรียก
นายทิวา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเจอเกตุการณ์แบบนี้ตนรู้สึกเครียดมาก เพราะมีปัญหาเรื่อเศรษฐกิจแล้ว เจอวิกฤตโควิดแล้ว ต้องมาเจอเหตุการณ์นี้อีก ทำให้สุขภาพจิตของตนและพนักงานในร้านโดนกระทบซ้ำเติม โดยเราไม่ได้ทำผิดอะไรกับเขาเลย ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เขาได้บอกว่า “ไม่กลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจก็ไม่กล้าจับ” ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ต่อบุคคลอื่น เขาไม่ได้ทำกับร้านตนแค่ร้านเดียว มีการระรานไปถึง 3 จังหวัดด้วย ทั้งเรายังไม่ได้รู้จักกันส่วนตัว ไม่เคยมีเรื่องพิพากกับเขา ตนไม่กล้าปล่อยให้แฟนอยู่ร้านเพียงลำพัง ต้องมารับกลับบ้านตลอด
“ตนขอฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ช่วยจัดการให้ตนที ตนทำงานสุจริตขวัญเสีย โดนเดือนเดียว 4 ครั้ง พื้นที่อยู่อาศัยก็ในเมือง ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน อีกทั้งที่ตนอยู่ก็อยู่ใกล้บ้านพิพากษาด้วยตนเกรงใจเขา แต่ทำไมผู้ก่อเหตุไม่คิดเกรงใจเลย อยากฝากเรื่องนี้ด้วย ตอนนี้ทางร้านขวัญเสียมาก”.
