สาวตรังรับจ้างกรีดยาง น้ำตาเอ่อ! ร้องทุกข์ผ่านสื่อโดนแฮกบัญชีทาง Mobile Banking สวมรอยเป็นเจ้าของธุรกิจร้านทองจนตัวเองถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง สวนทางกับสภาพความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น บ้านซอมซ่อ กราบวิงวอนช่วยคลี่คลายคดี พบข้อพิรุธบัญชีปลายทางสั่งซื้อมือถือเข้าเคลื่อนไหวโอนเงินเข้า 1 บาท กว่า 20 ครั้ง ก่อนเรื่องแดง
ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ สั่งซื้อสินค้าออนไลน์โอนเงินผ่านแอพธนาคาร (Mobile Banking) อาจตกเป็นเหยื่อ นางศิวาภรณ์ หรือฝน แก้วดำ อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 181 ม.6 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีว่าไปหลอกไลน์สดขายสินค้าออนไลน์เป็นทองคำรูปพรรณ เป็นเงินจำนวน 44,502 บาท ทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอพของธนาคารเข้ามา 3 ครั้งแต่ไม่ได้รับสินค้า จึงถูกผู้เสียหาย คือ น.ส.นวลหงส์ สารธรรม แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.วังสมบูรณ์ ภ.จว.สระแก้ว และได้รับหมายเรียกให้ไปพบ ร.ต.อ.ธงชัย หนักแน่น รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังสมบูรณ์ ในวันที่ 15 มิ.ย.2563 นี้
นางศิวาภรณ์ หรือฝน บอกว่า หลังจากตนทราบเรื่องตกใจมาก จู่ๆ ก็มีหมายเรียกจาก สภ.วังสมบูรณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง มีผู้เสียหายซื้อทองแต่ไม่ได้ทอง ซึ่งเงินได้เข้ามายังบัญชีตน หมายเลข 9160520809 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่านตาขาว จ.ตรัง เขาได้มาแจ้งความดำเนินคดีซึ่งตนเองชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้อง ตาทางผู้เสียหายไม่ฟังบอกจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและขู่หากไม่ขึ้นไปพบตามหมายเรียกจะต้องมีหมายจับตามมา ขณะที่ ทางพนักงานสอบสวน สภ.วังสมบูรณ์ แนะนำให้ตนเตรียมเอกสารไว้ทั้งหมดก่อนมาพบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และตนได้นำหลักฐานไปยื่นต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง แล้วด้วย
นางศิวาภรณ์ ผู้เสียหาย เล่าต่อไปว่า ต้นเรื่องเกิดจากเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.63 ตนได้ดูการไลฟ์สดพร้อมสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือมา 1 เครื่อง พร้อมโอนเงิน จำนวน 1,705 บาท จากราคาเต็ม 4,000 กว่าบาท ช่วงที่โอนก็มีแชทเด้งขึ้นมาแชทหนึ่งที่ใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์เดียวกับไลฟ์สด มีการขอเอกสารหลักฐานการโอน ขอภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน วางคู่กับบัตร ATM อ้างว่าจะนำข้อมูลไปกรอกในใบกำกับภาษีที่อยู่คู่กับกล่องโทรศัพท์ และยังมีการขอรหัสบัตร ATM ตนก็ส่งไปให้ระหว่างนั้นขอรหัส OTP ที่ส่งมาให้ตามขั้นตอน หลังจากนั้นวันเดียวกันเงินได้หายออกจากบัญชีตนไป 7,000 บาท จากเงินฝากออมทรัพย์ วันต่อมาตนจึงคิดว่าถูกหลอก จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.เขาวิเศษ ว่าถูกหลอก พร้อมไปแจ้งกับธนาคารขออายัดบัตร ATM และระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน เบิก-ถอนเงินจากหน้าเคาเตอร์เท่านั้น
ซึ่งตอนที่เขาขอรหัสบัตร ATM ตนก็ฉุดคิดว่าขอทำไม แต่เขาอ้างว่าทางบริษัทมีเงิน เข้า-ออกเยอะ จึงอยากเช็คยอดเงินของตนจึงยอมให้ไป กลัวไม่ได้ของด้วยแต่ตอนนี้ของก็ได้รับมือถือที่สั่งซื้อแล้ว ก่อนหน้านี้ตนเข้าใจว่าธนาคารจะปิด banking ไปแล้ว เพราะได้บอกกับเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าขอปิดทำธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านทางแอพพลิเคชั่นทั้งหมด แต่ธนาคารยังไม่ปิด จนกระทั่งวันที่ 3 มิ.ย.63 ได้มีหมายเรียกมาที่ตน จึงรู้ว่าธนาคารยังไม่ปิด ปรากฏว่ามีเงินโอนเข้า – ออกผ่านบัญชีของตน ตั้งแต่วันที่ 15-20 พ.ค.63 กว่า 1
แสนบาท ตนไม่รู้เลยว่าเป็นเงินมาจากไหนเพราะตนไม่ได้รับเงินนั้นเลย แต่เข้าผ่านทางบัญชีของตนมา ทางธนาคารแจ้งว่าเป็นตัว Mobile Banking เพราะยังไม่ปิดและที่น่าสังเกตและผิดปกติ มีเงินโอนเข้าจากบัญชี เลขที่ 004-388314354 ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัญชีตนโอนเงินเข้าไปซื้อโทรศัพท์ โอนเงินเข้าออกบัญชีของตนกว่า 20 ครั้ง เป็นยอดเงินโอน 1 บาท 17 ครั้ง ยอดโอน 13 บาท 1 ครั้ง ยอด 4 บาท 1 ครั้ง และ 10 สตางค์อีก 1 ครั้ง
นางศิวาภรณ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้รับผลกระทบมาก งานการไม่ได้ทำต้องเดินเรื่องเอกสาร ไม่มีเงินใช้จ่ายต้องใช้เงินจากพี่สาว ปกติกรีดยางอยู่กับบ้านกับลูกและสามี ตอนนี้ไม่สามารถกรีดยางได้ เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับคนที่สั่งของออนไลน์ ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์คนที่ไม่รู้ อย่านำข้อมูลบัตร ATM หรือบัตรประจำตัวประขาขนให้ใครง่ายๆ เพราะอาจจะเกิดขึ้นเหมือนตน หลังจากที่มีคนแจ้งความเข้าใจว่าตนเป็นเจ้าของร้านทองมันไม่เป็นความจริงเลย เพราะจากสภาพความเป็นอยู่ของตนตรงข้ามกับเจ้าของธุรกิจร้านทองเลย ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ อยากขอความเป็นธรรมกับผู้มีอำนาจ ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด ตนก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่ จ.สระแก้ว อย่างไร ลูกก็ยังเล็ก รายได้ก็ไม่มี ชีวิตลำบากมาก นางศิวาภรณ์ กล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นางศิวาภรณ์ หรือฝน อาศัยอยู่กับสามีและลูกสาววัย 2 ขวบเศษ มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ดูจากสภาพบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ค่อนข้างแคบ สภาพซอมซ่อและเริ่มผุพัง มีความอยู่อย่างแร้นแค้นยากลำบาก ความเป็นอยู่ตรงข้ามกับฐานะของคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านทองโดยสิ้นเชิง.