ปัญหาเน่าเฟะ! บ่อขยะทุ่งแจ้ง เทศบาลนครตรัง ผู้ใหญ่บ้านสุดทน ตบเท้ายื่นหนังสือจี้เร่งแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากขยะที่กองไว้สูง และมีกลิ่นเหม็นขยะปลิวว่อน น้ำเสียไหลซึมเข้ามาตามร่องแปลงผัก และสวนยางพารา ชาวบ้านทนทุกข์มานานกว่า 10 ปี ยังไร้วี่แววการแก้ไข ขยายวงกว้าง 3 หมู่บ้าน ขณะที่ ปลัดเทศบาลฯ เผย ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าก่อน รอวัดดวงงบประมาณฟื้นฟูโรคโควิด-19 ของทางจังหวัดฯ และเตรียมจัดระบบจัดการขยะ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มิ.ย.63 นายสายัณห์ สุขสวัสดิ์ หรือกิ้ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง พร้อมด้วย นายสมพงษ์ คำตัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้าน ได้เดินทางยื่นหนังสือเพื่อให้ กับ นายวัลลภ ช่วยบำรุง ปลัดเทศบาลนครตรัง ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครตรัง ว่าบริเวณรอยต่อบ่อขยะทุ่งแจ้ง ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครตรัง ได้สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านได้รับผลกระทบจากขยะที่กองไว้สูง และมีกลิ่นเหม็นขยะปลิวว่อน น้ำเสียไหลซึมเข้ามาตามร่องแปลงผัก และสวนยางพารา ของชาวบ้านพื้นที่ ม.5 และขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ ม.1 ,ม.3 ได้รับผลกระทบ จากการตรวจสอบพบว่ามีกองขยะถูกกองไว้บนเนินสูงที่มีรั้วกั้นอยู่ มีเศษถุงปลิวติดกับขอบรั้ว บางส่วนปลิวออกนอกรั้วซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวบ้าน ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นจากขยะที่สะสมมานาน บริเวณใกล้เคียงเป็นลำคลองยาวตลอดแนวรั้วของบ่อขยะ ซึ่งเป็นป่ารก และน้ำยังมีสีดำขุ่น
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่สำนักงานโครงการระบบจัดการขยะ และสิ่งปฏิกูล เทศบาลนครตรัง ใกล้สนามกีฬาทุ่งแจ้ง (ไสลาว) เขตเทศบาลนครตรัง รอยต่อพื้นที่ ม.5 ต.บางรัก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง นายสายัณห์ กล่าวว่า ตนได้มายื่นหนังสือร้องเรียนกับทางเทศบาลนครตรัง เรื่องบ่อขยะส่งกลิ่นเหม็นให้กับชาวบ้านในพื้นที่ รวมแล้ว 3 หมู่บ้าน ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปี แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนนั้นไม่ได้มีปัญหามากนักเพราะปริมาณขยะไม่ได้เยอะ แต่ตอนนี้ทั้งจังหวัดมาทิ้งที่บริเวณนี้หมด ส่งผลกระทบให้มีกลิ่นเหม็นของขยะ น้ำที่ลงไปในคลองไม่สามารถใช้งานได้เพราะทำให้คัน เมื่อน้ำท่วมจะทำให้ขยะลงไป ปกติน้ำจะท่วมทุกปี กว่าจะแห้งใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ซึ่งปกติชาวบ้านจะใช้น้ำคลองไว้รดน้ำพืชผัก ที่ผ่านมาได้รับการแก้ไขด้วยการถมกลบเมื่อขยะเริ่มเต็ม ก็อยากให้มีการปรับปรุงใหม่ อยากให้มีระบบการจัดการขยะให้เป็นระบบ มีการกั้นลวดหนาม เมื่อลมพัดถุงพลาสติกก็มีมาติดลวดหนามบ้าง บางครั้งก็เข้าสวนยางชาวบ้านด้วย ก็อยากให้มีระบบใหม่
ขณะที่ นายวัลลภ กล่าวชี้แจงว่า เรื่องบ่อขยะ หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ตนต้องวางตัวเป็นกลางเพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง เพราะหากผูกโยงการเมืองตนก็จะลำบาก ตนคือข้าราชการประจำ ตนยึดผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ปัญหานี้มีมานานแล้ว ตอนนี้ก็มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน การเรียกแต่ละฝ่ายมาคุยกัน ต้องใช้งบประมาณในการแก้ไขเรื่องนี้ด้วย ไม่กล้าใช้งบของเทศบาลเพราะเกรงว่าจะเกี่ยวพันกับการเมือง แต่มีการของบ ซึ่งเป็นงบฟื้นฟูจากสถานการณ์โรคโควิด-19 จำนวน 4 พันล้าน เป็นงบโครงการ เราก็จะขอใช้งบส่วนนี้ประมาณ 10 กว่าล้าน ตนก็ได้ทำหนังสือขอไปยังจังหวัดด้วย ก็ต้องดูว่าการขอจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ หากผ่านเราก็สามารถนำงบประมาณส่วนนี้แก้ไขระบบใหญ่ สามารถแก้ไขปัญหาได้ระยะยาว วางใจได้ ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด มีการถมดินฝังกลบจะทำให้ข้างล่างเปื่อยเป็นน้ำ เมื่อน้ำท่วมก็ทำให้น้ำเสียท่วมเข้าบ่อน้ำของชาวบ้าน หากการเสนองบไม่ผ่านก็ต้องรอฝ่ายบริหารชุดหน้ามา จึงสามารถใช้งบจากเทศบาลนครตรังได้ ก็จะหันมาใช้ระบบวิธีการกำจัดขยะขยะเก่าต้องทำลาย ขยะใหม่ต้องลดลง.
สอบถาม นางผัน กลับศรี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 ม.5 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า ตนมาอยู่ที่นี่มา 30 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นบ่อขยะนี้มีอยู่แล้ว แต่อยู่ไกลและมีขนาดเล็ก เมื่อก่อนก็ไม่มีผลกระทบอะไร แต่สมัยนี้ก็ได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็นที่มาพร้อมกับลม เพราะกองขยะใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้น้ำในคลองที่อยู่ข้างบ่อขยะ ซึ่งอยู่ริมถนนที่ใช้สัญจรไปมาก็มีกลิ่นเหม็นด้วย ตนรู้สึกชินกับเรื่องนี้แล้ว เพราะมาอยู่นานเขาก็ขยายพื้นที่บ่อขยะออกไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ นายทุ่ม จงภักดี อายุ 45 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวด้วยว่า สำหรับบ่อขยะที่นี่นั้นเขาก็มีการถมมานานแล้ว ช่วงนี้ยิ่งถมสูงขึ้นๆ เมื่อลมพัดมาก็จะส่งกลิ่นเหม็นตามมาด้วย ช่วงหน้าฝนเมื่อน้ำท่วม น้ำเน่าในคลองริมบ่อขยะก็จะไหลเข้าหมู่บ้านด้วย น้ำจากบ่อขยะลงในน้ำกลายเป็นน้ำดำ และส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วบริเวณ จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่มีการปรับปรุงเรื่องกลิ่น และเรื่องขยะที่ปลิวว่อนด้วย.