รอดนอนคุก! “สจ.ชัยวัฒน์” รองประธานสภา อบจ.ตรัง น้ำตาคลอเบ้า ศาลฎีกายกฟ้องคดีฉ้อโกงที่ดิน หลังสู้คดีมานานกว่า 4 ปี เผยตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเสมอ รู้สึกโล่งใจที่จะได้กลับมาเป็นหูเป็นตาแทนพี่น้องประชาชนต่อ ท่ามกลางผู้สนับสนุนมามอบช่อดอกไม้ร่วมเป็นกำลังใจ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 ก.ค.63 ที่ห้องพิจารณาบัลลังก์ 9 ศาลจังหวัดตรัง ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฉ้อโกง คดีหมายเลขดำที่ อ.5309/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3343/2561 ได้พิพากษายกฟ้องจำเลย ด.ต.ชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย ตำแหน่งรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง และสมาชิกสภา อบจ.ตรัง เขต 4 อ.เมืองตรัง หลังตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
จากกรณีซื้อขายที่ดิน เนื้อที่ 3 งาน 40 ตารางวา บริเวณคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เป็นเงิน 3,150,000 บาท และได้มีการโอนกันเรียบร้อยแล้ว กับ นายวิจิตร มานะภาคย์ อายุ 56 ปี พ่อค้าร้านชำหลังตลาดสดเทศบาลนครตรัง จากนั้นเมื่อปี 2557 ผู้เสียหายได้รับหมายศาลจังหวัดตรังคดีฟ้องเพิกถอนการขายที่ดิน จนนำไปสู่การฟ้องร้องเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญาเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ปี 2561 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับยกฟ้องและวันนี้จำเลย โดย ด.ต.ชัยวัฒน์ พร้อมด้วยทนายความ เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยตนเอง ท่ามกลางตัวแทนพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจพร้อมมอบช่อดอกไม้
ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีที่ตนถูกกล่าวหาว่าถูกฉ้อโกงเรื่องซื้อขายที่ดินที่ครอบครองปรปักษ์ ผลการตัดสินที่ผ่านมาศาลชั้นต้นตัดสินให้ถูกจำคุก 1 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหายของโจทก์ เป็นเงิน 3,150,000 บาท ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ว่าตนไม่ผิด ส่วนศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ คือยกฟ้อง ก็รู้สึกอยากขอบคุณกับความยุติธรรมตามกระบวนการยุติธรรมบ้านเรา ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับชีวิตใหม่ของตนที่จะ ดำเนินการทางการเมืองต่อไป จะได้เป็นปาก เป็นเสียงแทนประชาชน เป็นหูเป็นตา แทนชาวบ้าน เพราะถ้าตนถูกจำคุกตนก็จะไม่มีโอกาส รับใช้ประชาชนต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ได้ต่อสู้เป็นเวลา 3-4 ปี มาแล้ว วันนี้ก็มีชาวบ้าน มวลชน เมื่อรู้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันตัดสิน ชาวบ้านและเพื่อนๆ ก็มาให้กำลังใจมา
ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเป็นนักการเมือง ตนก็อยากฝากบอกพี่น้องประชาชนว่า วันนี้นักการเมืองได้หยิบประเด็นของการเล่นการเมืองมาต่อกรเพื่อกำจัดคู่ต่อสู้ออกจากเส้นทางวิถีชีวิตการเมืองของเขานั้นไม่น่าจะกระทำ นักการเมืองที่เข้าอาสาเป็นตัวแทนประชาชน เพื่อทำประโยชน์แก่ประเทศชาตินั้น ก็น่าจะตัดเรื่องการเล่นการเมืองออกบ้างก็ดี ให้มีแต่เรื่องของการทำการเมือง ตนก็ต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม อยากบอกพี่น้องว่าความยุติธรรมนั้นย่อมเกิดกับตัวเรา เรากระทำอันใดนั้นสิ่งนั้นย่อมกลับมาหาเรา ถึงแม้ว่าจะเกิดอุปสรรคต่างๆ นาๆ บ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ ช่วงการต่อสู้ที่ผ่านมานั้นตนก็มีความกังวลกลัวว่าจะมีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่ตนมั่นใจในความยุติธรรมของประเทศนี้ โดยเฉพาะศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ตนเชื่อมั่นว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง วันนี้ก็รู้สึกโล่งใจมากตนก็จะขอทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งกันใหม่ ด.ต. ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย