“ช่างพันธ์” ชาวบ้านที่คอยทำความสะอาดวัด เล่านาทีแรก ที่พบร่างหลวงม่อน พระผู้เสียสละ จมน้ำดับคารั้ววัด คาดว่าลื่นล้มตกลงไปในน้ำขณะปิดประตูโบสถ์ ก่อนร่างลอยติดโพรงหญ้า
ข่าวคืบหน้าวันนี้ 10 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังภายในวัดใหม่ หรือวัดใต้ บ้านท่าจีน ต.บางรัก ซึ่งเป็นจุดพบร่าง พ่อท่านมงคล (ม่อน) กิตฺติญาโณอายุ 65 ปี วันที่ 9 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยน้ำซึ่งมีปริมาณลดลงอยู่ที่ประมาณ 50 ซม. สามารถเดินเท้าเข้าไปได้แล้ว พบว่ากุฏิและโบสถ์อยู่ในสภาพที่เริ่มผุพัง บางหลังร้าง ภายในวัดพบสุนัขจำนวนหนึ่งว่ายน้ำไปมา และอีกส่วนหนึ่งอยู่ภายในโบสถ์ และได้เห่าหอนอย่างต่อเนื่อง
จากการสอบถาม นายสุรพันธ์ หรือช่างพันธ์ สั้นเต้ง อายุ 53 อยู่บ้านเลขที่ 92 ม 4 ต.บางรัก ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งคอยทำความสะอาด และเป็นผู้พบร่างคนแรก เปิดเผยว่า ตนมาล้างโบสถ์ และเจดีเป็นประจำ เพราะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จึงอาสามาดูช่วยดูแลวัด คอยทำความสะอาด ซึ่งล่าสุดก่อนพบศพ 3 วัน ตนมาล้างเป็นปกติและจะเรียกหลวงม่อนทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ ซึ่งช่วง 1-2 วันแรกที่ล้างก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าแล้ว แต่ก็คิดว่าหมาในวัดตาย เพราะน้ำท่วมวัด จนกระทั่งวันที่ 3 ช่วง 4 โมงเย็น พบว่ากลิ่นเหม็นเน่าเริ่มมากขึ้น ตนรู้สึกแปลกใจ ตนจึงขึ้นมองจากที่สูงเพื่อดูว่ามีอะไรตาย เมื่อเห็นศพก็คิดว่าเป็นสัตว์เช่นวัว เพราะสภาพศพดำเนื่องจากถูกแดดเผาจนผิวลอก แต่เมื่อพายเรือเข้าใกล้เห็นตัวดำ และเห็นจีวรจึงมั่นใจว่าเป็นหลวงม่อนแน่นอน วินาทีแรกรู้สึกตกใจมากและไม่สามารถภายเรือได้ ก็พยายามพายเรือต่อไปจนถึงฝั่งก่อนจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่
ช่างพันธ์ กล่าวอีกว่า ตนคิดหลวงม่อนน่าจะเดินมาเก็บเครื่องปั้มน้ำซึ่งอยู่ข้างมาไว้ในโบสถ์ ปกติต้องยก 2 คน แต่หลวงม่อนยกคนเดียว หลังจากเก็บเครื่องปั้มน้ำเรียบร้อยแล้วจะปิดประตูหลังโบสถ์ทันที เพราะตนสังเกตเห็นว่าประตูหลังถูกใส่กลอนไว้ แต่ช่วงที่ตนมาล้างโบสถ์พบว่าประตูหน้าโบสถ์ไม่ได้ถูกล็อค ซึ่งปกติหลวงม่อนจะล็อคทุกครั้ง และตนต้องขอกุนแจเพื่อมาเปิดประตูเป็นประจำ ตนคิดว่าช่วงที่หลวงม่อนกำลังจะล็อคประตูหน้าโบสถ์อาจจะลื่นตกลงไปในน้ำ ก่อนกระแสน้ำจะพัดร่างลอยไปติดโพรงหญ้าจุดที่พบศพ
ตนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เพราะตนมีความนับถือ และมาพบหลวงม่อนบ่อย ซึ่งท่านมักจะนำอาหารที่ได้ออกบิณฑบาตมาให้ตนเสมอ และมีความคลุกคลีกันเป็นประจำ หลังจากนี้ตนก็จะยังมาดูแลวัดนี้ต่อไป ที่ผ่านมาทุกครั้งหลังจากดูแลวัดตนเคยขอโชคขอลาภบ้าง ก่อนจะฝันและถูกหวยมาแล้ว 11 ครั้ง แต่ตนก็ตั้งใจมาทำความสะอาดด้วยความตั้งใจจริง เมื่อสมัยอดีตบริเวณวัดนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านนำรกเด็กแรกเกิดมาฝังไว้ และยังเป็นสุสานเก่าด้วย เป็นที่ฝังศพเด็ก ช่างพันธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ญาติโยมรายหนึ่งที่สนิทกับพ่อท่านมงคล หรือหลวงม่อน ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า วัดนี้จะเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งมาก เพราะอยู่ในที่ลุ่มและติดแม่น้ำตรัง ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม จะมีน้ำท่วมสูงหลายเมตร บางปีก็ 3-4 เมตรแต่พ่อท่านมงคล ท่านก็ไม่เคยย้ายวัดไปอยู่วัดที่อื่นเลยกระผมเคยเอ่ยพูดกับท่านว่า “อาจารย์ทำไมไม่ย้ายไปอยู่วัดอื่นวัดที่สะดวกสบายกว่านี้ ผมพาไปอยู่ที่วัดแถวบ้านผมก็ได้” ท่านหันหน้ามาพูดกับผมว่า…” นี่แหละ !!! มีคนคิดแบบมึงนี่แหละที่วัดได้ร้างหมด ” และวัดแห่งนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้.