สลด! ตาวัย 87 ปี จุดเทียนทิ้งไว้ขณะนอนหลับ ไฟกลับโหมไหม้ขนำไม้อย่างรุนแรง ก่อนถูกไฟคลอกดับสลดคากองเพลิง ย่างจนเกรียมเป็นตอตะโก ด้านเพื่อนบ้านได้ยินเสียงเคาะผนังขอความช่วยเหลือกว่า 20 ครั้งก่อนสิ้นใจ ขณะที่ลูกบุญธรรมเผยพ่อเป็นคนดี
เมื่อเวลา 03.30 น.ตอนย่ำรุ่งวันที่ 13 ม.ค.64 ร.ต.อ.ศักดา ตะหริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ขนำไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ภายในห้วยยอดซอย 2 ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ. สานิตย์ พลเพชร ผกก. สภ.เมืองตรัง และผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสายตรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง รุดไปตรวจสอบ
ถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นขนำไม้ขนาดกว้างยาว 3X3 เมตร ปลูกอยู่บริเวณที่ดินระหว่างซอกตึก ถูกเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง เปลวไฟสูงเทียบเท่ากับตึกชั้น 3 ที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่เร่งระดมรถดับเพลิงจำนวนกว่า 3 คัน เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวขนำเป็นไม้และกระดาษจำนวนมาก จึงทำให้ไฟโหมไหม้อย่างรุนแรง ซึ่งใช้เวลากว่า 20 นาที เพลิงจึงสงบลง ท่ามกลางความยากลำบาก เนื่องจากถนนทางเข้าขนำดังกล่าวมีขนาดเล็ก
ต่อมาหลังจากเพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่ฯ ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบภายในซากปรักหักพัง และเศษซากขี้เถ้า กลับพบร่างของผู้เสียวชีวิต ทราบชื่อภายหลัง คือ นายลบ เมืองแก้ว หรือตาลบ อายุ 87 ปี ไม่ประกอบอาชีพ ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน 65/15 ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เสียชีวิตคากองเพลิงในสภาพถูกเพลิงคลอกจนร่างกายเกรียมไหม้ เหลือเพียงแค่เศษกระดูก และชิ้นเนื้อบางส่วน ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาลูกหลานและเพื่อนบ้าน
จากการสอบถาม นางศิริพร เมืองแก้ว อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/15 ถนนห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ลูกบุญธรรม เล่าว่า เมื่อคืนตอนเกิดเหตุมีคนโทรเข้ามา ว่าเกิดเหตุไฟไหม้ ตนจึงเข้ามาดู เมื่อมาดูก็พบสภาพพ่อนอนเป็นศพแล้ว พ่ออาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 40 ปีแล้ว ส่วนตนอยู่บ้านเช่าที่ไม่ห่างกันมากนัก ที่ผ่านมาตนได้ให้พ่อย้ายกลับมาอยู่บ้านเช่ากับตนแต่พ่อก็ปฏิเสธมาตลอด บอกว่าอยากอยู่คนเดียวเป็นส่วนตัว สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เอกชน ขายต่อและผู้ที่ซื้อก็ให้พ่อมาอยู่พักอาศัย โดยไม่คิดค่าเช่า ตนคิดว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากเทียนที่พ่อจุดและลืมดับก่อนเข้านอนจึงทำให้เกิดไฟไหม้ พ่อไม่มีโรคประจำตัวร่างกายปกติดี ที่ผ่านมาพ่อจะเก็บของเก่ามาขาย วันเสาร์นี้ ตนตั้งใจจะทำที่อยู่ให้พ่อใหม่ แต่มาเกิดเหตุนี้ก่อน ปติตนจะนำอาหารมาให้พ่อเป็นประจำ และภรรยาก็จะมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ
นางศิริพร เล่าต่อไปว่า พ่อเคยรับตนมาเลี้ยงตั้งแต่ตนเกิดได้เพียงวันเดียว เนื่องจากพ่อและแม่ที่แท้จริงของตนได้ฝากผู้ตายให้เลี้ยงแต่ไม่ได้มารับกลับหายไป ผู้ตายจึงรับเลี้ยงตนพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคน ส่งเสียเลี้ยงดูจนเรียนจบ และรักตนเหมือนลูกแท้ๆ ที่ผ่านมาผู้ตายมีการดุด่าเป็นปกติแต่ตนก็ไม่รู้สึกโกรธเคืองเลย ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะเป็นการจากไปโดยไม่มีการบอกลาและพูดคุยอะไรเลย
ด้าน นายสราวุฒิ ลีฬหานนท์ อายุ 57 ปี เพื่อนบ้านซึ่งอยู่ติดกับขนำ เล่าว่า ผู้ตายมักจะเดินเข้า ออก ผ่านหน้าบ้านตนเป็นประจำตามประสา คนแถวนี้ก็จะมีการนำขนม ของกินให้ผู้ตายเสมอ ถือเป็นที่รักของคนแถวนี้เพราะเป็นคนที่มีนิสัยดี พูดจาไพเราะนิ่มนวล ยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี เมื่อคืนตอนเกิดเหตุเวลาประมาณตีสามกว่าๆ ตนได้ยินเสียงเหมือนมีคนทุบบ้าน ตนและแฟนได้ยินก็ตกใจคิดว่ามีคนมาเคาะประตูบ้าน เมื่ออกไปดุพบว่าไฟไหม้โหมหนักจึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้ดับไฟอย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที และเสียงที่ได้ยินนั้นก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเสียงของผู้ตายที่ทุบผนังขนำจำนวนกว่า 20 ครั้ง แต่ไม่สามารถออกมาได้
อย่างไรก็ตามช่วงเช้าวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ตร.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นอาจจะสันนิษฐานว่าเกิดจากการลุกไหม้จากเปลวไฟจากเทียน จนทำให้เพลิงลุกไหม้ติดขนำในขณะที่ผู้ตายนอนหลับอยู่ ส่วนทางญาติได้ลงมาในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นทรัพย์สินที่พอจะสามารถเก็บได้ และไม่ได้ติดใจในสาเหตุการตายแต่อย่างได ส่วนร่างผู้เสียชีวิตยังถูกเก็บไว้ที่ รพ.ตรัง เพื่อเตรียมนำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป.