ชาวบ้านกลุ่มทำนาอินทรีย์ฯ กว่า 30 ราย ร้องทุกข์หลังนาข้าว 50-60 ไร่ที่อยู่ในแนวเสาไฟฟ้าส่องสว่างที่เพิ่งติดตั้ง ทำให้ข้าวไม่ออกรวงตามฤดูกาล วอน อบต.นาหมื่นศรี ช่วยปิดไฟในช่วงที่ข้าวตั้งท้องคาดปีนี้ได้กินแต่ไม่ได้ขาย
วันนี้ 15 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกลุ่มทำนาอินทรีย์บ้านสวนสันติสุข ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรังกว่า 30 ราย ร้องผู้สื่อข่าวหลังประสบปัญหาข้าวไม่ออกรวงตามฤดูกาลโดยเชื่อว่าสาเหตุมาจากการติดตั้งเสาไฟฟ้าส่องสว่างแบบไฟ 4 ดวงหรือไฟสปอร์ตไลท์ ความสูง 12 เมตร จำนวน 49 ต้นและแบบไฟ 6 ดวง ความสูง 20 เมตรอีก 3 ต้น อยู่ในแนวเดียวกับถนนซึ่งสองข้างทางเป็นนาข้าวเกษตรอินทรีย์ของชาวบ้านที่ทำนากันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ซึ่งเสาไฟฟ้าทั้ง 52 ต้นนี้เพิ่งติดตั้งแล้วเสร็จเมื่อประมาณ 4-5 เดือนที่ผ่านมา โดยงบพัฒนา จ.ตรังปี 2563กว่า 19 ล้านบาท เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลแลลูกลมตำบลนาหมื่นศรี ฯ และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในช่วงกลางคืน
แต่ปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อนาข้าวทั้งในพื้นที่หมู่ 5,หมู่ 6 และหมู่ 7 ต.นาหมื่นศรี ประมาณ 50-60 ไร่ โดยชาวบ้านให้เหตุผลว่าแสงไฟสปอร์ตไลท์หรือไฟแสงจันทร์ที่ส่องสว่างตลอดทั้งคืน ส่งผลต่อการออกรวงของข้าวนาปีของพวกเขา ทำให้ข้าวหลงฤดู ผิดธรรมชาติโดยเฉพาะนาข้าวที่อยู่ในรัศมีของแสงไฟตั้งแต่ 10-20 เมตร ไม่ออกรวงเลย ซึ่งไม่เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วกับนาข้าวบนถนนสายนาโยง-พรุหนัง อ.นาโยง ซึ่งปีต่อมาหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ปิดไฟให้ในช่วงที่ข้าวตั้งท้อง ปรากฏว่าข้าวออกรวงตามปกติ แต่ปีนี้เจ้าหน้าที่ฯ ปิดไฟช้ากว่ากำหนดทำให้ข้าวยังไม่ออกรวงเหมือนเดิม และปีนี้ก็มาเกิดกับนาข้าวในหมู่ 5หมู่ 6 และหมู่ 7 ตลอดแนวสายไฟ ระยะทางยาวกว่า 2 กม.ชาวบ้านจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดไฟฟ้าส่องสว่างในเวลากลางคืนในช่วงที่ข้าวนาปีตั้งท้อง เพื่อให้ข้าวออกรวงตามปกติ ชาวนาจะได้มีข้าวไว้กินและขาย โดยปีนี้เชื่อว่าหลายรายมีกินแต่ไม่มีขาย
ด้าน นางวารี เชยชื่นจิตร อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 4 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง เจ้าของที่นา 7 ไร่ซึ่งได้รับความเสียหายบางส่วนกล่าวว่า ตนทำนามา 13 ปีแล้ว โดยเชื่อว่าเหตุที่ข้าวไม่ออกรวงเป็นเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างลงมาในที่นาของตน และเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากพันธุ์ข้าวเพราะทำนามา 12 ปีแล้ว พอมีแสงไฟมาติดตั้งก็เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านประมาณ 30 รายรวมกันแล้วเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ทำให้ข้าวของตนเสียหายกว่า 50 กระสอบ ๆ ละ 35 กิโลกรัม ซึ่งข้าวนาปีใช้เวลาปลูก 5 เดือน ซึ่งของตนที่ไม่โดนแสงไฟก็ออกรวงตามปกติ
เช่นเดียวกับนายสุนันท์ เสี้ยวยิ้ม อายุ 68 ปีอยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 8 ต.นาหมื่นศรีกล่าวว่า หลอดไฟฟ้าที่มาติดตั้งนี่แหละทำให้ข้าวไม่ออกรวงเพราะตนทำนามาตั้งแต่ยังเล็ก เสียหายรวมกันแล้ว 50-60 ไร่ตลอดแนวเสาไฟ ซึ่งเพิ่งเจอปัญหาปีนี้หลังมีเสาไฟฟ้า ทำให้ข้าวของตนหายไปประมาณ 50-60 กิโลกรัม โดยยอมรับว่ามีกินแต่ไม่มีขายแน่นอน ถ้าตอนนี้ดับไฟให้ก็ไม่ทำให้ข้าวตั้งท้องได้แล้วเพราะเลยฤดูกาลมาแล้ว
ด้านนางมาดี ศรนารายณ์ ประธานกลุ่มทำนาอินทรีย์บ้านสวนสันติสุข ต.นาหมื่นศรี กล่าวว่า ปีนี้มีปัญหาไฟฟ้าเข้ามาซึ่งเป็นเส้นทางของการท่องเที่ยว ทำให้ข้าวไม่ออกรวง ทำให้ชาวนามีต้นทุนและไม่ได้ผลผลิตเลย จึงอยากถามว่าหน่วยงานภาครัฐจะช่วยเหลืออย่างไร จะชดเชยอย่างไร ปีต่อไปถ้าเกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นอีกจะแก้ไขกันอย่างไร เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตรงนี้ ปีก่อนเกิดขึ้นบนถนนสายนาโยง-พรุหนัง ซึ่งเป็นไฟแสงจันทร์ในปีนั้นข้าวก็ไม่ออกรวงเหมือนกัน หลังการสังเกตจึงพบว่าเกิดจากไฟแสงจันทร์ ทำข้าวไม่ออกรวง แต่ละเจ้าไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ระยะของแสงไฟ จะเสียหายหรือไม่เสียหายขึ้นอยู่กับระยะไฟ และมี 1 เจ้าเสียหายทั้งแปลงและมีเสียหายบางส่วนอีกหลายเจ้า
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง อบต.นาหมื่นศรีแล้ว ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าจะประสานกับนายวิโรจน์ เยาว์ดำ นายก อบต.ให้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด.
