ปิดล้อมมาราธอน! วินาทีหน่วยสวาทตรัง บูรณาการพร้อมกำลังอาวุธครบมือ เข้าปิดล้อมบ้าน “ผู้กองจอย” พลิกแฟ้มประวัติผู้ต้องหายิงแม่ม่ายนราธิวาส คาเก๋งใน จ.ตรัง ดับรวม 3 ศพ แต่ต่อสู้คดีชนะศาลยกฟ้อง ก่อนผันตัวฟอกเงิน และเคยประกาศกร้าว “ขอสู้ดีกว่าให้ถูกจับ” เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมนาน 5 ชั่วโมง ตามหมายจับ 2 หมาย ก่อนพลาดท่าร่วงจากชั้น 2 สิ้นฤทธิ์ถูกหน่วยสวาทรวบในสภาพบาดเจ็บ
3 มี.ค.64 ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้สั่งการมอบหมายให้ พ.ต.อ.สิทธินันท์ สังฆพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง บูรณาการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.กก.สส.3 บก.สส.ภ.9 ,กก.สส.ภ.จว.ตรัง ,ชปส.ภ.จว.ตรัง และชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) กก.6 บก.ป. และ ชป.ขล.กก.ตชด.43 ตรัง เข้าปิดล้อมตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 240/26 หมู่ 3 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง เป็นทาวน์เฮาส์ สูง 2 ชั้นปลูกติดกัน 6 หลัง
ซึ่งเป็นบ้านพักของ ร.ต.อ.วิทยา ขวัญดำ หรือ ผู้กองจอย อายุ 37 ปี อดีต รอง สว.สส.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 111/9 หมู่ 6 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 201/2563 ลงวันที่ 5 พ.ค.63 ฐานกระทำความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันสมควรอนุญาต ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอม และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 386/2562 ลงวันที่ 20 ธ.ค.62 ฐานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายลับว่าพบเห็น ร.ต.อ.วิทยา หรือผู้กองจอย ยืนซ่อมประตูของบ้านพักหลังดังกล่าว จึงได้มีการวางแผนเข้าจับกุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและรัดกุม เนื่องจาก ร.ต.อ.วิทยา เคยประกาศตนไว้ว่า “ขอสู้ตายหากตำรวจจะเข้าจับกุม” และมีการพกอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.ภ.9 และกก.สส.ภ.จว.ตรัง ได้เข้าไปทำการปิดล้อมชุดแรก แต่เมื่อผู้ต้องหาซึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน พบเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้รีบวิ่งเข้าไปหลบซ่อนภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่ปลอดภัย
ต่อมาได้ประสานกำลังจากชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ให้มาทำการเข้าจับกุมตัว และเจ้าหน้าที่บางส่วนได้ปิดล้อมรอบตัวบ้าน ก่อนจะทำการใช้ยุทธวิธีในการเปิดประตูเหล็ก เพื่อเข้าไปในบ้าน เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 ของบ้าน พบผู้ต้องหา ได้วิ่งหลบหนีไปออกประตูด้านหลังชั้น 2 และได้พลาดท่าร่วงลงทะลุฝ้าเพดานและหลังคากระเบื้องมาที่บริเวณหลังคาชั้น 1 ทำให้ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บถูกกระเบื้องหลังคาและฝ้าเพดานบาดที่บริเวณหน้าแข้งด้านขวา ทำให้เจ้าหน้าที่อีกส่วนที่ปิดล้อมรอบตัวบ้านพบเห็นจึงได้ตะโกนให้มอบตัว ทางผู้ต้องหาพยายามวิ่งหลบหนีเข้ามาในบ้านชั้น 2 อีกครั้ง ก่อนที่ชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ที่ประจำจุดอยู่จะสามารถจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งใช้เวลาปิดล้อมบ้านพักและสามารถจับกุมได้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 15.00 น. ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง
ก่อนจะทำการค้นตัวพบ อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .357 สแตนเลส ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด .357 หัวทองแดง จำนวน 2 นัด เหน็บอยู่ที่สะเอว ก่อนจะทำการตรวจค้นภายในบ้านอย่างละเอียด และได้ไปพบ อาวุธปืนประดิษฐ์เอง ขนาด .22 ด้ามทำด้วยไม้ ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วย เครื่องกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด วางอยู่บนโต๊ะไม้หน้าบ้าน ในเบื้องต้นทางผู้ต้องหารับว่า อาวุธปืนขนาด .357 พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน ขนาดเบอร์ 12 เป็นของตนจริง ส่วนอาวุธปืนแบบประดิษฐ์เอง ขนาด .22 ไม่ได้เป็นของตนก่อนจะทำการตรวจยึดของกลางจำนวน 7 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่แนวทางการสืบสวน จากการพลิกแฟ้มประวัติ ทราบว้เมื่อปี 2559 ร.ต.อ.วิทยา ขวัญดำ หรือ ผู้กองจอย ได้ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญาเลขที่ 203/2559 ลงวันที่ 12 พ.ค. 59 ในคดีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายแวมะมูฆอรี วามิง อายุ 24 ปี ชาว จ.นราธิวาส และ นางยารีดา สะแมอาลี อายุ 37 ปี ลูกสาว น.ส.ฟาติน มะ อายุ 16 ปี รวม 3 ศพ เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าสุขสมบูรณ์รีสอร์ท ถนนสายตรัง-พัทลุง ม.1 บ้านต้นแซะ ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.2559 แต่ ร.ต.อ.วิทยา ได้ต่อสู้คดีศาลพิจารณายกฟ้อง จนกระทั่งถูกจับกุมตามหมายจับคดีค้างเก่าฐานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในครั้งนี้.
