น้อง “น้ำขิง” เด็ก 5 ขวบ ป่วยมะเร็งกระดูกอ่อนระยะสุดท้าย แพทย์รักษาด้วยเคมีบำบัดจนร่างกายรับไม่ไหว เจ็บปวดทรมานถึงขั้นต้องใช้มอร์ฟีนยับยั้งความเจ็บ พ่อแม่ตัดสินใจรับน้ำมันกัญชามารักษาอีก 1 ทางเลือกหวังให้ลูกหายป่วย ขณะเดียวกันน้องเคยโชว์ความน่ารัก ถ่ายคลิปวีดีโอลงโซเซียล จนคนแห่ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ด้านครอบครัวสู้ต่อหวังน้องรอดพ้นโรคร้าย
วันนี้ 29 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 30/1 ม.2 บ้านนาโหนด ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมด้วย นายเนติวิทย์ ขาวดี หรือปลัดปอง ประธานสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำ จ.ตรัง พร้อมด้วย นายแพทย์จำรัส สรพิพัฒน์ แพทย์ทางเลือก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างภักดีตรัง และพระภิกษุ จำนวน 1 รูป เพื่อไปมอบน้ำมันกัญชาให้กับ นายอารัญ บุญพาฤทธิ์ อายุ 53 ปี หรือพ่อดำ และนางอำนวย บุญพาฤทธิ์ หรือแม่โด้ย อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ ด.ญ.วรณัน บุญพาฤทธิ์ หรือน้องน้ำขิง วัย 5 ขวบ ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกอ่อน บริเวณปากทวารหนัก และเชื้อได้ลุกลามไปยังบริเวณไขสันหลัง และมีเนื้องอกที่บริเวณศีรษะ
จนไม่สามารถลุกขึ้นนั่งหรือเดินได้ ทำให้น้องและญาติพี่น้องเกิดความทุกข์ใจ จึงทำหนังสือร้องขอน้ำมันกัญชาจากสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำ จ.ตรัง เพื่อช่วยอนุเคราะห์น้ำมันกัญชามารักษาโรคดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างกำลังใจและความหวังให้กับผู้ป่วยและครอบครัว ทั้งนี้ได้มีการทำพิธีทางสงฆ์คือการสวดปัดเป่าทุกข์โศกให้หลุดพ้นออกไปจากตัวผู้ป่วย และกรวดน้ำเพื่ออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
ซึ่งผู้ป่วยเชื่อว่าน้ำมันกัญชาจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ควบคู่ไปกับยาของแพทย์แผนปัจจุบันได้ โดยผู้ป่วยสูงอายุไม่สามารถทนต่อการให้คีโมหรือการใช้เคมีบำบัดซ้ำหลาย ๆ ครั้งได้ ซึ่งผู้ป่วยทนทุกข์ทรมานไม่ไหว นอนติดเตียง และร้องปวดทรมานอยู่ตลอดเวลา แต่ยังคงสามารถพูดสื่อสารได้เพียงแค่บางเวลาเท่านั้น จึงขอรับน้ำมันกัญชาฟรี
นางอำนวย หรือแม่โด้ย กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า สาเหตุที่น้อยต้องป่วย เพราะเมื่อช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 หรือประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา น้องเกิดอุบัติเหตุโดยยืนบนขอบถังสี เพื่อยืนขึ้นไปให้อาหารแมว แล้วเกิดพลาดท่าตกลงมาทำให้หว่างขากระแทกกับขอบถังอย่างแรง แต่น้องก็ไม่ได้ร้องไห้ หรือเจ็บปวด จนกระทั่ง 5 วันผ่านมาหลังจากเกิดเหตุ น้องเริ่มมีอาการคันบริเวณปากทวารหนัก ก็ได้นำน้องไปพบแพทย์ ก็ได้รับยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบมากิน แต่ก็ไม่หาย
นางอำนวยกล่าวอีกว่า ก็เลยพาน้องไปรักษาอยู่ตลอด จนพบว่าน้องป่วยเป็นมะเร็งกระดูกอ่อน บริเวณ ปากทวารหนัก ก็ได้รักษาด้วยการทำคีโม การฉายแสง และกลับมารักษาตัวที่บ้าน จนกระทั่งมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นที่บริเวณศีรษะ และมีก้อนเนื้องอกขึ้นที่ไขสันหลัง เป็นเหตุให้น้องช่วยเหลือตัวเองและเคลื่อนไหวไม่ได้ โดยทำการรักษาน้องมากว่า 1 ปีกว่า แต่ปรากฎว่า น้องป่วยอยู่ในระยะสุดท้าย โดยที่หมดหนทางการรักษาแล้ว ไม่สามารถให้คีโม หรือฉายแสง และรักษาด้วยการใช้เคมีไม่ได้แล้ว เพราะน้องอายุน้อย หากจะรักษาต่อก็ต้องใช้ยาเคมีที่รุนแรงกว่าเดิม เพียงแต่แพทย์ได้นัดดูอาการอยู่เท่านั้น
“น้องมีอาการเจ็บปวดมาก เจ็บแบบบอกไม่ถูกเป็นอะไรที่ทรมานแทน น้องเป็นคนที่อดทนมาก จะไม่กินยาระงับความเจ็บปวด หากไม่เจ็บมากจริงๆ ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ เจ็บมากกว่าลูกอีกเมื่อเห็นเขาเจ็บปวด หากเจ็บแทนได้ขอเจ็บแทนไปแล้ว ตนก็ขอสู้ต่อไปจนน้องจะหาย ก็ยังมีความหวังอยู่ แต่คงไม่หวังอะไรมากไปกว่าความเป็นจริง แต่ขออย่าให้ลูกทรมานอย่างเดียว ถามว่าท้อไหม ก็ตอบได้เลยว่าไม่ท้อ หากท้อก็คงไม่รักษาน้องอยู่แบบนี้ อีกอย่างลูกเองก็ยังสู้ “ ผู้เป็นแม่กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่น้องป่วย ก่อนหน้าที่ร่างกายของน้องจะทรุดถึงขั้นนอนติดเตียง น้องเคยถ่ายคลิปวีดีโอแนะนำตัวเอง และแนะนำบ้าน ลงในโลกโซเซียลมีเดีย จนทำให้มีคนแห่ให้กำลังใจอย่างล้นหลามมาแล้ว อย่างไรก็ตามหากมีผู้ใจบุญ หรือบุคคลที่จะช่วยเหลือครอบครัวของน้อง สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 080-864-8157 (นางอำนวย บุญพาฤทธิ์ หรือแม่โด้ย)