แชร์สนั่นโซเชียลคลิปนาทีระทึก! ไลฟ์สดหนุ่มคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของ เผาบ้าน หวั่นทำร้ายตา -ยาย นอนป่วยตามลำพังบ้านติดกันใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง เผยชาวบ้านระทมทุกข์หากไม่มีใครจับไปบำบัดรักษา ทุกวันนี้อยู่กันอย่างหวาดผวาหวั่นเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เวลา 16.30 น.วันที่ 19 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.ตรัง ได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส.สุธิษา รอดพันธ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.1 บ้านยูงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังจากที่ นายพาวัน ทองขวิด อายุ 30 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง เคยต้องคุกคดียาเสพติดมาแล้ว 6 ปี มีพฤติกรรมทำร้ายข้าวของในบ้าน กระจัดกระจาย รวมถึงเผาบ้านตัวเองไฟลุกลาม ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาดับไฟ เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา และได้มีการเผยแพร่ภาพไลท์สดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ เปรี้ยว ค่ะ!! ถึงพฤติกรรมดังกล่าว #ข้อความว่า.. “ใครก็ได้ช่วยแนะนำคนที่พามันเข้าคุกไปได้ไห้หน่อยค่ะ เดือดร้อนขึ้นทุกวัน.. ถ้ามันยังอยู่มันก็ยังทำเลวอีก เสี่ยงมากคะ #อยากไห้มีคนมาช่วยเอามันไปที…ตอนนี้มันยังนอนอยู่ในบ้าน ถ้าตื่นขึ้นมาก็เลวต่อแน่ค่ะ.. 3 ชีวิตที่อยู่หลังบ้านนี้ เสี่ยงคะ..”
ทั้งนี้ครอบครัวหวั่นความปลอดภัยของ นายพี พรมสังข์ อายุ 70 ปี และ นาง หรน สุวรรณวัฒน์ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นตา ยาย อาศัยอยู่ใกล้กับบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ เบื้องต้นได้มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยที่เจ้าหน้าที่มาดูเหตุการณ์แต่ก็ไม่ได้รับตัวผู้ก่อเหตุไปแต่อย่างใด จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวพบว่าบ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีร่องรอยการถูกเผาไหม้ ข้าวของกระจัดกระจาย ด้านหลังบ้านดังกล่าวห่างออกไปประมาณ 10 เมตร มีบ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของ ตากับยาย ภายในบ้านพบยายกำลังนอนระทมทุกข์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ส่วนตานั่งอยู่ ทั้งคู่อาศัยด้วยความยากลำบาก ไม่มีแม้แต่เครื่องนุ่งห่ม ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าได้ไปหลบเข้าไปอยู่ภายในโรงเรียนที่ได้ปิดการเรียนการสอน ซึ่งอยู่ใกล้กัน และพบว่าได้เดินวนเวียนไปมาอยู่
น.ส.สุธิษา เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ ตนนั้นมาป้อนข้าวให้ยายเป็นประจำ จู่ๆ หนุ่มคลั่งซึ่งเป็นเดินเข้ามาขู่ตนว่า “ทำอะไรไว้ ระวังตัวให้ดี” ก่อนจะซัดของใส่ตนซึ่งตนนั้นคิดแล้วว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ จึงรีบกลับมาบอกพ่อ และเมื่อช่วงบ่ายตนมาทราบมาว่าผู้ก่อเหตุได้ทะเลาะกับแม่ตัวเองซึ่งเป็นน้าตน ทำร้ายข้าวของ และน้าได้ไปแจ้งตำรวจ สภ.ในควน เข้ามาดูแล้วแต่ก็ไม่ได้รับตัวไป จนกระทั่งเมื่อกลางดึกมีคนโทรมาบอกว่าผู้ก่อเหตุ ได้เผาบ้าน ก่อนจะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่รถดับเพลิง ชาวบ้านร่วมกันดับไฟ
น.ส.สุธิษา เล่าต่อไปอีกว่า ปกติตากับยายก็อยู่ตามลำพัง ใกล้กับบ้านที่ถูกเผา แต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นตนและแม่ รวมถึงพี่สาว น้า คอยดูแลอยู่ นอกจากนี้ลุงจะมารับยายไปดูแลบ้าง เพราะยายมีโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนผู้ก่อเหตุมีประวัติเรื่องยาเสพติด และเคยถูกจับดำเนินคดีเรื่องยาเสพติดมาแล้ว หลังจากออกมาแล้วจะมีพฤติกรรมอาละวาด ทำลายข้าวของบ่อยมาก เคยทุบตีแม่ด้วย นานๆครั้ง เมื่อไปแจ้งความก็ถูกจับไปไม่นานก็ปล่อยตัวออกมา เมื่อหลายปีก่อนเคยซัดของใส่ตาได้รับบาดเจ็บเย็บไปหลายเข็ม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้โปแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจับแต่ตำรวจก็ไม่มา ตนเองก็ไม่สะดวกไปโรงพักเนื่องจากลูกยังเล็กยู่
ตนเองอยากพาตา ยาย ออกจากจุดนี้ จากการปรึกษาคนในบ้านคือให้พายายมาสร้างบ้านอยู่ตรงที่ดินพ่อ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านตน แต่ก็ต้องหางบสร้างบ้าน ตนสามารถดูแลได้เต็มที่ แต่หากอยู่ตรงนี้ก็ไม่สามารถดูแลอย่างเต็มที่เพราะตนต้องทิ้งลูกมาดูแลเป็นครั้งคราวได้ ก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุจะมาทำร้ายตนตอนไหน เมื่อเช้านั้นได้พูดคุยกับทางปลัดฯ ทราบมาว่ามีงบซ่อมแซม 200,000 บาท หากให้สร้างบ้านใหม่ก็ต้องรอนานเพราะมีคิวเยอะ หลังจากนี้ก็ต้องรองบอาจจะได้ช่วง 1-2 เดือน แต่หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาจับผู้ก่อเหตุไปเราก็จะอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ตอนนี้ก็รู้สึกเครียดและเป็นห่วงตากับยายเพราะทั้งสองเป็นคนดูแลตนมาตั้งแต่เล็ก ตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุต้องทำร้ายตนแน่ น.ส.สุธิษา กล่าว
ขณะที่ น.ส.สุภาวรรณ สิงห์อินทร์ หรือติ๋ม อายุ43 ปี เจ้าหน้าที่ หน่วยกู้ชีพ อบต.โพรงจระเข้า กล่าวด้วยว่า ตนเคยมาช่วยรับตา ยาย ไป รพ. 2 ครั้ง เพราะมีอาการไข้ หอบ กินข้าวไม่ได้ ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมายังสามารถเดินขึ้นรถเองได้ ก็ต้องอยู่ รพ.คนเดียวไม่มีใครมาเฝ้า และครั้งล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตนก็มารับอีก ปรากฏว่าเดินไม่ได้แล้ว จากที่ดูมีความเป็นอยู่ลำบากไม่มีอะไรนอน ต้องนอนบนไม้ ไม่มีที่นอน มีผ้าเพียงชุดเดียว ทาง อบต.ก็มาดูแล นำของมาบริจาคตลอด
ทางด้าน น.ส.แตง (สงวนชื่อ นามสกุล) ชาวบ้านใกล้เคียง เล่าว่า ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมทำร้ายข้าวของอยู่แต่ในบ้านของตัวเอง แต่กับคนนอกบ้านก็ไม่ได้ทำร้ายหรือยุ่งเกี่ยวอะไร แต่ตนก็กลัวถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาทำร้าย หรือยุ่งกับตนก็ตาม ก็เป็นมาเพียงแค่ช่วงเดือนนี้ ตนก็มาขายของเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ก็เห็นอาละวาดบ้าง ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพาไปบำบัดบ้าง เผื่ออาการเขาดีขึ้น ตนก็มีพูดคุยบ้าง ก็ไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าว พูดจาดี ครับทุกคำ .