Thailand Web Stat Truehits.net

ผ่าชันสูตรซากกวางป่า หลังถูกนักล่าลั่นไกยิงโหดสนั่นป่า ก่อนวิ่งหนีเตลิดกระสุนเจาะปอดนอนตายริมลำห้วย

ปศุสัตว์ตรังรุดผ่าชันสูตรซากกวางป่า หลังถูกนักล่าลั่นไกยิงโหดสนั่นป่า ก่อนวิ่งหนีเตลิดนอนตายริมลำห้วย พบกระสุนลูกซองเจาะทะลุเข้าปอดทำให้เลือดคลั่งภายใน คาดเป็นใบสั่งฆ่าจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลนอกพื้นที่ ตร.รู้เบาะแสเตรียมเรียกกลุ่มต้องสงสัยมาเค้นสอบปากคำ ล่าสุดเรียกสอบพยานไปแล้ว 5 ปาก

จากกรณี ชาวบ้านไปพบกวางป่า หรือกวางม้า สัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) จัดให้กวางป่าอยู่ในระดับ เสี่ยงสูญพันธุ์ (VU) เพศผู้ อายุประมาณ 4-6 ปี น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม สภาพตัวโตสมบูรณ์เต็มวัย ได้ถูกคนร้ายก่อเหตุยิงภายในป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า และได้วิ่งหนีจนไปเสียชีวิตอยู่ริมห้วยวังกลั้ง หมู่ 3 ต.เขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง เมื่อช่วงเช้า วานนี้ที่ผ่านมา 17 มิ.ย.64 จนสร้างความโศกเศร้าเสียใจและกับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ข่าวคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ 18 มิ.ย. ที่หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า หน่วยที่ ขป.5 (บ้านในเตา) นายสัตวแพทย์อภิชาติ ทรัพย์สิริไพบูลย์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักงานปศุสัตว์ จ.ตรัง พร้อมด้วยทีมแพทย์ จำนวน 4 นาย ได้เดินทางไปทำการผ่าซากชันสูตรซากกวางป่า ตัวดังกล่าว โดยมี ร.ต.อ.ธีรทัศน์ ธรรมรัตน์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัษฏา เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่า และผู้นำชุมชนฝ่ายปกครองเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง

ผลการผ่าชันสูตรเบื้องต้น พบว่าซากกวางเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางชาวบ้านในพื้นที่ต่างมารุมดูด้วยความเศร้าสะเทือนใจ พบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดลูกซองยาว ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด หัวกระสุนเจาะเข้าบริเวณ หน้าอก 2 นัด ขาหน้า 1 นัด และชายโครงซ้าย 1 นัด และพบหัวกระสุนชนิดลูกปราย  1 หัวฝังใน เจ้าหน้าที่ ตร.จึงนำเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และพบว่าบริเวณปลายเท้าซ้ายมีลักษณะบวม และมีบาดแผล คาดว่าน่าจะติดแล้วซึ่งเป็นเครื่องมือดักสัตว์ป่าของพรานป่า

นายสัตวแพทย์อภิชาติ เผยว่า จากการตรวจชันสูตรพบว่ากวางป่าตัวดังกหล่าวถูกยิงเข้ามาทางด้านหน้าในลักษณะยิงเสย บริเวณผิวหนังพบกระสุนฝังใน 1 หัว คาดว่าเป็นกระสุนลูกปราย จากการที่เห็นพบว่ามีทั้งหมด 5 รู กระสุนได้ทะลุเข้าไปภายในปอด ทำให้เกิดการเสียเลือด และมีเลือดคลั่งค้างอยู่ภายในชายโครง ทำให้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต และยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากคมกระสุนอย่างแน่นอน 

ด้าน นายสมนึก ชุมเกตุ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.ในเตา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าพบกวางป่านอนเสียชีวิตจึงได้ไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และพบหยดเลือดเป็นทางยาวมาจากในป่า มาจนถึงที่พบซากริมห้วย ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดมาหาแหล่งน้ำ คนในชุมชนได้สร้างจิตสำนึกกันมาตลอด ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะอยู่ร่วมกับสัตว์ป่า ซึ่งเคยพบเห็นอยู่ตลอดและคุ้นชินกับชาวบ้าน ส่วนภูเขาสามารถขึ้นได้จากหลายทาง โดยคาดว่าน่าจะมีการดักด้วยเครื่องมือจนกวางติดกับดัก และทำการยิงทันที แต่กวางสามารถหนีได้จากจุดดังกล่าว แต่คนก่อเหตุเชื่อแน่ว่าจงใจและตั้งใจที่จะมาฆ่าเพื่อล่ากวางโดยเฉพาะ และน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาล่า ความรู้สึกตนเสียใจ น้อยใจที่ปกป้องไว้ไม่ได้ ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพียงแค่ 1 วัน ตนเริ่มเอะใจว่าจะมีการล่า เพราะกวางเริ่มออกมาอยู่ในบ้านเรือนประชาชนมากขึ้น จึงมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าขอช่วยให้ไปนอนเฝ้าในป่า แต่รุ่งเช้ากลับเกิดเหตุจริง ส่วนการล่าเคยมีเมื่อมาหลายปีมาแล้ว และปัจจุบันนี้มีอยู่ชุกชุมมากกว่า 30 ตัว

ขณะที่ นายจรูญ กองบุญแก้ว กำนัน ต.ในเตา กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นการล่ากวาง แต่ปัจจุบันนี้การล่าสัตว์ป่าน้อยมากแต่พื้นที่ป่าเยอะมากมีถึง 6-7 หมื่นไร่ แต่มีแค่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเพียงแค่ 9 นาย ดูแลไม่ทั่วถึง ในชุมชนมีการขอความร่วมมือให้ช่วยกันอนุรักษ์มาตลอด ก่อนจะเกิดเหตุก็มีเบาะแสว่ามีคนนอกพื้นที่เข้ามาภายในป่าแต่ไม่รู้วัตถุประสงค์ ซึ่งยากในการจะตรวจสอบเพราะเป็นภูเขาที่เชื่อมติดต่อกัน 3 จังหวัด คือ ตรัง นครศรีธรรม และพัทลุง ตนเองรู้สึกเสียดาย เพราะพยายามอนุรักษ์ไว้ให้เป็นของคู่ชุมชนและเพื่อคนรุ่นหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เหตุการณ์นี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เล็งเห็นความสำคัญ ล่าสุดทาง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้สั่งการกำชับมายัง พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง และ  พ.ต.อ.ปรีดี นาคช่วย ผกก.สภ.รัษฎา ในการเร่งรัดคลี่คลายคดี เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการเรียกชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เข้ามาให้ปากคำแล้ว จำนวน 5 ปาก เพื่อประกอบในสำนวนคดีแล้ว และเตรียมที่นำหัวกระสุนที่ผ่าออกมาได้จากซาก ซึ่งเป็นหลักฐานนำส่ง ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 จ.สงขลา และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้พอที่จะมีเบาะแสกลุ่มและบุคคลที่ก่อเหตุบ้างแล้ว คาดว่าอาจจะเป็นมีใบสั่งที่มีการเข้ามาล่าจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลในครั้งนี้ โดยจะทำการเชิญตัวมาสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมาประกอบในสำนวนต่อไป. 

Leave a Comment

Your email address will not be published.