ชาวเน็ตแชร์ว่อน! ญาติโพตส์เสียดแทงใจดำถึง ตร.ชุดจับกุม #เขาได้รับโทษในเรือนจำและตายแล้วน่ะ ขณะที่ญาติติดใจ หนุ่มนักฟุตบอลประจำหมู่บ้าน วัย 22 ปี ดับปริศนาคาเรือนจำจี้ราชทัณฑ์ออกมาชี้แจง ขณะเดียวกันต่างรุมสาปแช่งตำรวจชุดจับกุมแสดงละครให้รับบทเป็นแพะ เป็นสาเหตุต้นตอนำมาสู่การตาย หลังต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมแต่กลับไม่มีใครสนใจ
เหตุการณ์นี้เฟซบุ๊กส่วนตัว ไชยยันต์ รัตนะ ได้โพสต์ข้อความว่า “วันนี้หลานชายผมได้จากไปอย่างสงบ เหตุเกิดในเรือนจำจังหวัดตรัง เวลา ผมได้สอบถามเจ้าหน้าเรือนจำบอกว่าหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ได้มีอาการช็อคหมดสติ และได้นำร่างส่งโรงพยาบาลตรัง ทางหมอรับเรื่องบอกเขาหมดลมหายใจก่อนจะถึงโรงพยาบาล ตอนนี้รอผลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของโรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ครับ และผมเชื่อเหลือเกินทุกคนอยากทราบว่าสาเหตุที่ต้องโทษในเรือนจำ คือโดนคดี พ.ร.บ. อาวุธปืน เอ็ม 16 โดนจับที่คลองหินขวาง ผมเองจำวันและวันที่จับไม่ได้ครับและพฤติกรรมการจับกุมเป็นที่น่าสงสัยมากแต่เราประชาชนธรรมดาจะเอาปากเสียงไปสู้อะไรกับเขา แต่ขอฝากถึงชุดจับกุมนะอย่าใช้วิธีนี้กับประชาชนรายต่อไปอีกนะ #ตอนนั้นศาลชั้นต้นจังหวัดตรังลง โทษ นายกฤษฎา (สงวนนามสกุล) หลานชายผม 8 ปี 10 เดือน ทางกระผมยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษเหลือ 1 ปี 11 เดือน ตอนนี้จำคุกได้ 4 เดือนกว่าๆ ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้วครับ ญาติๆ ทุกคนยอมรับในคำพิพากษาครับ แต่ผมเองขอฝากถึงชุดจับกุมหลานชายผมคดีนี้ ตอนนี้นายกฤษฎา มลยง หรือหมอก ได้รับโทษแล้วในเรือนจำ และได้เสียชีวิตแล้ววันนี้ในเรือนจำตรัง ชุดจับกุมทุกคนรู้แก่ใจในว่าพวกคุณทำอะไรตอนนั้น บางทีการที่คุณอยากได้ผลงาน ได้ชื่อเสียง เพื่อมาประดับยศฐาบรรดาศักดิ์บนความทุกข์ บนคราบน้ำตาประชาชน พวกคุณมีความสุขใช่ไหม #พวกคุณรู้อยู่แก่ใจ #บาปกรรมมีจริงไม่เชื่อลองดูนะครับ”
ต่อมาวันที่นี้ 20 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.ตรัง ได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายไชยยันต์ รัตนะ อายุ 34 ปี ชาว ต.หาดสำราญ จ.ตรัง อาชีพพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มีศักดิ์เป็นน้าชายของผู้ตายเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของ นายกฤษดา หรือหมอก หลานชายซึ่งทราบว่าเป็นผู้ต้องขังคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 ได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนาภายในเรือนจำ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความคลางแคลงใจในสาเหตุของการเสียชีวิต รวมทั้งติดใจในพฤติการณ์ในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่ชั้นจับกุม
นายไชยยันต์ น้าชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองและญาติๆ ต้องการร้องขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากคลางแคลงใจ 2 เรื่อง คือ ประเด็นการเสียชีวิตภายในเรือนจำตรัง และประเด็นการถูกจับกุมอาวุธปืน ประเด็นแรกการเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้คำชี้แจงเป็นคำพูดจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่ามีอาการ อ๊วก ชักเกร็ง ก่อนช็อกหมดสติ ขณะนั่งอยู่ใต้อาคารสูทกรรม หลังจากกินข้าวเที่ยง เวลา 11.45 น. และได้นำมาแดนพยาบาล โดยญาติๆ ได้รีบเดินทางไปที่ รพ.ตรัง ปรากฏว่าได้เสียชีวิตถูกเก็บไว้ในห้องแช่แข็งแล้ว แพทย์ รพ.ตรัง ชี้แจงว่าได้เสียชีวิตมาจากเรือนจำแล้ว ทางญาติสงสัยสาเหตุการตายมาจากสาเหตุอะไร ก่อนจะนำร่างส่งไปผ่าชันสูตรที่ รพ.สงขลานครินทร์ (ม.อ.) สงขลา ก่อนที่ผลจะออกมาว่าไม่ได้ถูกทำร้าย และได้เก็บตัวอย่างอาหาร เลือด และเนื้อเยื่อบางส่วน ส่งไปตรวจที่ สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต้องรอผลอีก 2-3 อาทิตย์ แต่แพทย์ยืนยันไม่ได้ว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร แต่เบื้องต้นผลแพทย์พบว่าไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย ตนยังไม่ได้กล่าวหาว่าเรือนจำเป็นผู้กระทำ โดยตนอยากฝากกรมราชทัณฑ์ ว่านักโทษก็มีชีวิตจิตใจ ยังมีค่ากับพ่อแม่พี่น้อง อยากให้ดูแลให้เต็มที่ เชื่อว่าหากน้องอยู่ข้างนอกอาจจะรอด ทำให้การส่งตัวมายังโรงพยาบาลล่าช้าหรือไม่
นายไชยยันต์ กล่าวต่อไปว่า น้องหมอกเป็นคนแข็งแรง เป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำหมู่บ้าน ไม่เคยมีโรคประจำตัว หรือประวัติการรักษาโรคร้าย โดยอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเพราะเหตุการณ์ภายในเรือนจำ ทางญาติไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และให้นำพยานคนที่เห็นเหตุการณ์มายืนยัน เพื่อคลายข้อสงสัยให้กับญาติพี่น้อง ส่วนประเด็นที่น้องถูกจับกุม ตนขอชี้แจงว่าไม่ใช่น้องเสียชีวิตแล้วจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะตนเรียกร้องขอความเป็นธรรมมาตลอดเกี่ยวกับคดีน้องหมอก ตนเชื่อมั่นว่าน้องหมอกไม่ได้ผิด แต่ไม่สามารถนำคำพูดไปอ้างกับพยานหลักฐานได้ โดยเหตุการณ์ที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ในขณะที่น้องอายุ 19 ปี เกี่ยวกับคดี พรบ.อาวุธปืน เอ็ม 16 เหตุการณ์เกิดขึ้นตนขอพูดตามสำนวนการจับกุมว่า มีนาย เจ (นามสมมุติ) ได้โทรหาน้องว่าขอช่วยให้ไปเป็นเพื่อนซื้อนมผงให้ลูกหน่อย น้องเลยนั่งรถไปเป็นเพื่อนเนื่องจากเป็นเพื่อนสนิท โดยที่นายเจ ได้ประสานกับนายสอง ซึ่งถูกจับในคดียาเสพติด ถูกกักตัวอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของตำรวจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของน้องเลย ได้โทรศัพท์มาหานายเจว่าช่วยไปเอาเหล็กให้หน่อย พิงอยู่ใต้เสาไฟฟ้า ในซอยเทศบาล ติดกับคลองหินขวาง ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน ทำให้นายเจ และน้องหมอกไปกัน 2 คน เมื่อไปถึงก็พบวัตถุห่ออยู่ในถุงดำ นายเจจึงหยิบและตั้งไว้บนตักน้องหมอก และขับรถออกไป ปรากฏว่าได้มีตำรวจซุ่มอยู่เข้ามาจับกุมทันที ทำให้นายหมอกหายตัวไป 2 วัน
นายไชยยันต์ กล่าวต่อไปอีกว่า โดยที่ทางญาติไม่รู้เลยโดยมีแชทของน้องแอบแชทมาคุยกับญาติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดสำราญ ในข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน เอ็ม 16 ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงดำดังกล่าว โดยปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนตราโล่ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในครั้งนั้นตนมองแล้วว่าไม่เป็นธรรม และเชื่อแน่ว่าอาวุธดังกล่าวไม่ได้เป็นของน้องหมอก จึงได้ไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และ พันเอกสุริยา ช่วยบำรุง รอง ผอ.รมน.ตรัง เพื่อให้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาตรวจสอบ ว่าอาวุธปืนราชการดังกล่าวเบิกมาจากไหน ใครเป็นคนเบิก หรือมีการแจ้งหาย แต่เรื่องกลับเงียบหายไป จนต่อสู้ทางคดีเพราะคิดว่าคนไม่ผิดก็ไม่ควรที่จะได้รับการลงโทษ โดยที่ตนไม่ได้ไปพาดพิงกระบวนการยุติธรรม ยอมรับในคำพิพากษา และตอนนี้ทางเรือนจำเห็นว่าน้องหมอกเข้าคุณสมบัติในการพักโทษ โดยใน 40 วันจะได้รับการปล่อยตัว และ 2 วันหลังจากที่ทำเรื่องพักโทษน้องกลับมาเสียชีวิตในเรือนจำ จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ญาติสงสัย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบและแก้ข้อกระจ่าง
“ สุดท้ายกระผมและทางญาติขอฝากถึงชุดที่เข้าจับกุม พวกคุณรู้อยู่แก่ใจ ว่าทำอะไรอยู่ ตำรวจที่ดีมีเยอะ ขออวยพรให้มีแต่ความเจริญ แต่กับชุดจับกุม ถ้าเกิดปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของน้องหมอกจริง ขอให้ครอบครัวตนมีอันเป็นไปทุกคน แต่หากปืนไม่ใช่ของน้องหมอก ขอให้ชุดจับกุมมีแต่ความวิบัติ ครอบครัววิบัติและให้พบความเสียใจเหมือนกับที่ตนได้รับ อย่าหวังจับกุมเพื่อเอาผลงานโดยการแสดงละคร อย่าเอาความสุขที่ได้รับมาโชว์บนคราบน้ำตาของประชาชน และทุกคำพูดที่พูดมาตนรับผิดชอบทุกคำพูด” นายไชยยันต์ กล่าวย้ำชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงค่ำคืนวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเคลื่อนร่างของนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) หรือหมอก อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิตกลับจากการผ่าชันสูตรพลิกศพ จาก รพ.สงขลานครินทร์ หรือ มอ.สงขลา มาประกอบพิธีทางศาสนา มีการรดน้ำศพ และนำร่างบรรจุเข้าโลงศพ พร้อมทั้งมีการสวดอภิธรรมที่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 7 บ้านท่าโตป ต.หาดสำราญ .อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติพี่น้อง ต่างรุมด่าและสาปแช่งด่าประณามไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดจับกุม ถึงขั้นขอให้ชีวิตมีแต่ความวิบัติ และมีอันเป็นไปหากผู้ตายไม่มีการกระทำผิดจริง จนถูกจับกุมและเป็นเหตุมาทำให้เสียชีวิต.