เจ้าของรีสอร์ทโอด! ซ้ำเติมช่วงวิกฤตโควิด-19 ถูกโจรแสบยกเค้า งัดรีสอร์ทขโมยสายไฟ อะลูมิเนียม พังยับรวม 9 หลัง มูลค่าความเสียหายนับล้าน ล่าสุดพอจะทราบเบาะแสแล้ว เชื่อว่าทำเป็นขบวนบวนการคาดแก๊งคนร้ายมากกว่า 2 ราย
วันนี้ 18 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.ตรัง ได้รับการร้องทุกข์จากนายอภิรมย์ รักไทย หรือครู อายุ 57 ปี และ นางทัชวรรณ รักไทย อายุ 59 ปี หรือวิว อยู่บ้านเลขที่ 160/3 ม.10 ต. โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง สามีภรรยาเจ้าของรีสอร์ท “สุกร คาบาน่า รีสอร์ท“ ตั้งอยู่พื้นที่ ม.1 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้จังหวะช่วงที่รีสอร์ทปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด เข้าไปรื้อค้น ขโมยสายไฟ เหล็กอะลูมีเนียม และของมีค่าบางส่วนภายในรีสอร์ท หลังจากได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในรีสอร์ท พบท่อร้อยสายไฟถูกงัดออกมากระจัดกระจาย ฝ้าเพดานอยู่ในสภาพถูกงัดหล่นลงมากองอยู่กับพื้น ประตูและกระจกแตกพังเสียหาย และเครื่องปรับอากาศถูกงัดออกไป โครงเหล็กหาย
ขณะที่นายอภิรมย์ เล่าว่า ผู้จัดการโทรมาบอกว่ารีสอร์ทถูกรื้อ ถูกทำลาย ตนจึงให้ส่งภาพให้ดู ตอนที่เห็นภาพความเสียหายคิดว่าราคาความเสียหายไม่มาก ไม่กี่แสน ตนจึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปะเหลียน และเดินทางเข้าไปดูความเสียหาย วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมชุดสืบแล้ว เบื้องต้นพอจะทราบตัวคนร้ายบ้างแล้ว ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป เราคงไม่ยอมความ นอกจากเขาจะชดใช้ค่าเสียหาย ตนเชื่อว่าคนที่มาขโมยไม่ใช่คนรวยแน่ คงไม่มีเงินเป็นล้านมาซ่อมให้ ก็ต้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การทำเช่นนี้ไม่คุ้มกับชื่อเสียงของเกาะ ญาติพี่น้องของผู้ก่อเหตุก็เสียหายไปด้วย ถือเป็นการกระทำที่เสียหายกับภาพลักษณ์ของเกาะด้วย
ด้าน นางทัชวรรณ เผยว่า รีสอร์ททั้งหมดที่เรามีอยู่ที่เกาะสุกรนั้นประมาณ 17 หลัง แบ่งเป็นเรือนไม้มุมจาก 8 หลัง เมื่อเจอวิกฤตโควิด-19 เราได้รื้อออกไป นำของใช้บางส่วนแจกให้ชาวบ้าน และนำไปขายบ้าง ส่วนอีก 9 หลังเป็นเรือนถาวรสภาพยังสมบูรณ์ แต่เมื่อเราได้ไปดูความเสียหายทั้ง 9 หลังพบว่าเสียหายทั้งหลังถูกทุบทิ้งหมด คนร้ายได้เอาสายไฟที่ติดตามบริเวณเพดาน ฝ้า รื้อออกหมด ประตูหน้าห้องพักก็ถูกทุบทิ้งหมด เฉพาะราคาประตูก็เป็นหลักหมื่นแล้ว มูลค่าความเสียหายทั้งหมดตอนนี้ประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป
นางทัชวรรณ กล่าวอีกว่า พื้นที่เกาะถือเป็นพื้นที่เล็กๆ หากมีคนรื้อไปขายก็ต้องขายภายในเกาะ คนรับซื้อก็อยู่ในเกาะ ตนเชื่อว่ารูปคดีไม่ยากขึ้นอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รีสอร์ทแห่งนี้เราสร้างมา 18 ปี จะมีช่วงฮายซีซั่น และโลซีซั่น ช่วงโลซีซั่นแขกจะน้อย เพราะเราเน้นชาวต่างชาติ 17 ปี ที่ผ่านมาเราไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อน คนที่ดูแลก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ปกติผู้ดูแลเข้าไปดูความเรียบร้อย 2-3 วันต่อครั้ง แต่เมื่อวันที่ 14 รู้สึกเอะใจ เหมือนมีสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อเข้าไปดูก็ไม่เหลืออะไรเลยพัง หลังทราบเรื่องตนจึงลงไปดูก็รู้สึกช็อกพูดอะไรไม่ออก เครียดมาก เกินคำบรรยาย คนที่ขโมยไปเขาจะได้เงินไปแค่หลักพัน แต่เราเสียหลักล้านมันไม่คุ้มเลย การกระทำนี้ถือเป็นการทำลายเกาะด้วยไม่มีใครรับได้ ตอนนี้ตำรวจน่าจะรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่คงได้ตัวเร็วๆนี้
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก.สภ.ปะเหลียน พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชุมพล ด้วงคง สารวัตร (สอบสวน) สภ.ปะเหลียน เจ้าของคดี ได่แจ้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย เก็บพยานหลักฐานนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินการตามกฎหมาย ทางด้าน พ.ต.อ.พูนศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่วันนี้ เบื้องต้นก็มีแนวทางในการสืบสวนอยู่ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 ราย เรามีแนวทางในการสืบสวนเพื่อให้รู้ตัวคนร้ายได้ ก็พอมีข้อมูลที่จะนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ แต่ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาได้ คนร้ายขโมยของไปเยอะน่าจะเป็นคนในพื้นที่และมีการนำบางส่วนที่ขโมยไปขายให้กับคนในพื้นที่ ก็ต้องสืบสวนขยายผลต่อไป.
