ใบสั่งผู้มีอิทธิพลขบวนการมอดไม้เหิม! ลอบตัดไม้พะยูง ในพื้นที่ส่วนพระมหากษัตริย์ ป่าพะยูงผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่กำนันยอมเสี่ยงตายเข้าบุกจับคนร้ายได้คาหนังคาเขา 2 ราย เผยโดนยิงถล่มบ้าน เค้นสอบผู้ต้องหาทำงานให้ผู้มีอิทธิพล เตรียมนำส่งประเทศเพื่อนบ้าน ตีมูลค่าหากขนย้ายไปจำหน่ายได้กว่า 270 ล้านบาท
เวลา 08.30 น.วันที่ 16 พ.ย.64 นายวณิชย์ บัวประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.สงขลา รับผิดชอบเขตพื้นที่ จ.ตรัง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายตะฝน ยะฝา กำนัน ต.บางหมากอ.กันตัง นำสื่อมวลชน พร้อมด้วยกำลังตรวจสอบพื้นที่สวนป่าเฉลิมพระเกียรติ หรือแปลงป่าพะยูง ในที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หมู่ 5 บ้านโต๊ะเมือง ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง ริมถนนสายตรัง-กันตัง หลังขบวนการมอดไม้ เข้าลักลอบตัดต้นพะยูงอายุประมาณ 80-90 ปี ขนาดประมาณ 2 คนโอบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80-90 ซม. สูง 40 ชม.จำนวน 3 ต้น ภายในผืนป่าจำนวน 14 ไร่ 2 งาน ที่มีไม้พะยูงอยู่ประมาณ 44 ต้น เข้าตรวจสอบพบไม้พะยูงถือเป็นป่าพะยูงผืนใหญ่ของประเทศไทย หลังถูกแก๊งมอดไม้ลอบตัดเอาโคนต้นไป ส่วนลำต้นยังคงล้มลงอยู่บนพื้นดินกลางป่าเนินเขา โดยทั้ง 3 ต้น อยู่ห่างกันไม่เกิน 10 เมตร และอยู่ห่างจากถนนเพียงแค่ 20 เมตรเท่านั้น
ขณะที่ผู้ต้องหากำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตำรวจชุมชน ปิดล้อมจับกุมไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายนายสุวิทย์ จับปรั่ง หรือโท้ย อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 187 ม.3 ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ และนายจิตติ จันทราวิภาต อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 99 ถนนมิตรไมตรี ต.ดินแดง เขตดินแดง กทม. ส่วนอีก 1 ราย ไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปได้ พร้อมยึดของกลาง เครื่องเลื่อยยนต์ดัดแปลงเก็บเสียง จำนวน 1 เครื่อง ไม้พะยูงจำนวน 3 ต้น ตัดขาดจากต้นล้มอยู่ในที่เกิดเหตุ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง มีดพกพร้อมซอง 1 เล่ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย.64 เวลาประมาณ 17.00 น. ที่ผ่านมา
ด้าน นายตะฝน ยะฝา กำนัน ต.บางหมาก เผยว่า วันเกิดเหตุตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยยนต์จึงนำกำลัง ผช.ผู้ใหญ่บ้าน และแจ้งประสานตำรวจสายตรวจชุมชน รวม 4 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่เมื่อเข้ามาถึงพบคนร้ายกำลังเลื้อยต้นพะยูงต้นสุดท้ายล้มลงพอดี คนร้ายได้พยายามวิ่งหลบหนีแต่สามารถจับได้ 2 ราย อีก 1 คนหลบหนีไปได้ จังหวะนั้นคนร้ายพยายามที่จะใช้อาวุธมีดพกพุ่งแทงมายังตน จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนพกยิงข่มขู่ไป ก่อนที่จะต่อสู้ขัดขืนและจับกุมตังไว้ได้
นายตะฝน กล่าวด้วยว่า สำหรับผืนป่าแห่งนี้ถูกขบวนการมอดไม้เข้าลักลอบตัดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ตัดต้นพะยูงไปแล้วกว่า 14 ต้น และเมื่อปี พ.ศ. 2559-2560 เคยมีผู้มาหยิบยื่นผลประโยชน์ พร้อมทั้งสั่งให้ตนปิดหูปิดตา เพื่อให้เปิดทางตัดไม้พะยูงแปลงนี้ และเสนอให้ต้นละ 1.5 แสนบาท แต่ตนได้ปฏิเสธ ทำให้หลังจากนั้นถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ถล่มบ้านมาแล้วด้วย ตนเชื่อมั่นว่าการลักลอบตัดทุกครั้งเป็นรายเดิม ซึ่งมีนายทุนผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ทราบว่าป่าไม้แห่งนี้ถูกปลูกขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2485 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือประมาณ 80 ปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้นำเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้ามาปลูก และในขณะเดียวกันยังได้ไปปลูกไว้ที่ควนตำหนักจันทร์ อ.กันตัง อีกกว่า 80 กว่าต้น ถือว่าเป็นป่าพะยูงผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วันนี้เมื่อเราสูญเสียไปอีกจำนวน 4 ต้น ก็เสียใจเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนเราสูญเสียญาติผู้ใหญ่ไป และต้องขอขอบคุณกำนันยะฝน ที่พยายามรักษาทรัพยากรส่วนนี้ และต่อสู้เพื่อปกป้องมาด้วยชีวิต อยากฝากถึงคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว อย่างน้อยก็ให้คิดว่ารักษาไว้ให้ลูกหลายเถอะ ที่ผ่านมาผืนป่าแห่งนี้ ได้จัดกิจกรรมหลายภาคส่วน ทั้งการบวชป่า เพื่อรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของโลก โดยหลังจากเกิดเหตุ นายชวน หลีกภัย ก็ได้สั่งการและกำชับมายัง พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก. ภ.จว.ตรัง ให้ติดตามเรื่องนี้และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะครั้งที่ผ่านมา ทางกำนันยะฝนได้จับกุมคนร้ายไว้ได้ แต่ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้หลังจากส่งตัวให้ตำรวจแล้วและสาวไม่ถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง
สำหรับ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.สงขลา มีพื้นที่ป่าในความรับผิดชอบพื้นที่ ต.บางหมาก อ.กันตัง จำนวนหลายแปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 5,200 ไร่ ส่วนแปลงที่เกิด มีเนื้อที่ทั้งหมด 14 ไร่ 2 งาน และมีไม้พะยูงทั้งหมด 44 ต้น แต่ช่วงที่ผ่านมา ถูกคนร้ายพยายามตัดไม้แล้วหลายครั้ง เนื่องจากจุดเกิดเหตุ อยู่ติดกับถนนสายตรัง-กันตัง ทำให้ง่ายต่อการลักลอบเข้าไป อีกทั้งไม้พะยูงก็มีราคารับซื้อสูงมากถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท เพราะเป็นที่ต้องการของนายทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม้จำนวน 3 ต้น ที่ถูกลักลอบตัดในครั้งนี้หนักต้นละประมาณ 3 ตันหรือ 3,000 กิโลกรัม หากสามารถเคลื่อนย้ายนำออกไปจำหน่ายถึงมือนายทุนได้ จะอยู่ที่มูลค่าประมาณ 270 ล้านบาท.