เจ้สาวใหญ่วัย 41 ปี เจ้าของร้านมือถือ ร้องทุกข์ผู้สื่อข่าว จี้ ตร.เค้นสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมวางแผนชี้เป้าให้คนร้ายบุกเข้ามาในร้านจี้ใช้ปืนทุบหัวบาดเจ็บเย็บ 4 เข็ม และรื้อเอาทรัพย์สินเงินสดและมือถือไป 3 เครื่อง เชื่ออดีตลูกจ้างสองผัวเมียรู้เห็นเป็นใจ
เวลา 10.00 น.วันที่ 22 ธ.ค.64 น.ส.อรอุมา ชุ่มชื่น หรือเจ้กุ้ง อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของร้านกุ้งโมบาย จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และซ่อมมือถือรายใหญ่เมืองตรัง ตั้งอยู่เลขที่ 20/29-30 ถนนท่ากลาง ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ได้ร้องทุกข์ผ่านผู้สื่อข่าวว่า หลังจากตนเองประสบชะตากรรมจากเหตุการณ์คนร้ายถืออาวุธปืนพกสั้นบุกเข้ามาจี้ทำร้ายตนได้รับบาดเจ็บ คนร้ายใช้อาวุธปืนฟาดเข้าที่ศีรษะเย็บ 4 เข็ม และยังรื้อค้นเอาเหรียญจำนวนกว่า 3,000 บาท จากลิ้นชักและหยิบโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่องไปด้วยก่อนหลบหนี โดยภาพวงจรปิดจับภาพพฤติการณ์ได้ทั้งหมด รวมถึงบัมทึกเสียงสนทนากับตน ทราบชื่อคนร้าย คือ นายวรวัฒน์ สุทธิคณะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 2 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ ตร.ได้จับกุมตัวได้แล้วเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา พร้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือในวันดังกล่าวจริง
น.ส.อรอุมา หรือเจ้กุ้ง กล่าวต่อไปว่า แม้ทาง ตร.จะจับกุมคนร้ายได้ แต่ตนรู้สึกเอะใจและรู้สึกไม่ปลอดภัย เชื่อว่าคนร้ายต้องวางแผนและไม่ลงมือเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน ซึ่งดูพฤติการณ์ของคนร้ายแล้วรู้ดีว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหน และคนร้ายพยายามโทรคุยกับบุคคลที่สามอยู่ตลอด ตนเชื่อว่าต้องมีคนสั่งการมาให้ทำ ที่ผ่านมาตนไม่เคยติดหนี้นอกระบบ มีเพียงหนี้ที่กู้ยืมมาจากธนาคารเท่านั้น ส่วนศัตรูไม่เคยมีใครนอกจากอดีตลูกจ้างสอง 2 สามีภรรยาที่เคยทำงานอยู่ที่ร้านได้ยักยอกเงินไปจำนวนหนึ่งตนจึงไล่ออกไป ประกอบกับเช้าหลังจากเกิดเหตุลูกน้องคนดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะถึงเหตุการณ์ที่ตนโดนคนร้ายเข้าขโมยและทำร้ายร่างกาย พร้อมทั้งเขียนข้อความลักษณะพอใจ และดีใจกับการที่ตนโดนทำร้าย
น.ส.อรอุมา หรือเจ้กุ้ง กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมคนร้ายถึงรู้ ทั้งๆ ที่ช่วงเวลานั้น ยังไม่มีใครรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ และคนร้ายรายนี้ยังเคยไปคอมเมนท์เฟซบุ๊กของอดีตลูกจ้างรายดังกล่าวด้วย ซึ่งตนคิดว่าน่าจะรู้จักกัน และอาจจะมีความโกรธแค้นเลยให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ จึงขอฝากไปทางเจ้าหน้าที่ ตร. สืบสวนขยายผลตามหาผู้ร่วมวางแผนและชี้เป้ามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ต้องการให้จับคนร้ายไปแล้วก็ปิดคดีเลย เพราะตอนนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ส่วนตนเองในขณะเกิดเหตุยอมรับว่าตกใจเป็นอย่างมาก แต่พยายาม ตั้งสติและใจเย็น และปดป้องลูกให้ได้มากที่สุด โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิง เพียงแค่ใช้ปืนตบศีรษะเย็บ 4 เข็ม และหลังจากเกิดเหตุตนได้โทรศัพท์มือถือคืนกลับมา 1 เครื่อง โดยติดตามได้จากแอพโทรศัพท์ หลังจากคนร้ายนำไปซุกซ่อนไว้ในป่า ขอวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองตรัง สืบสวนสอบสวนขยายผลต่อว่าคนร้ายร้ายนี้ทำงานให้ใครหรือชี้เป้าสั่งให้เข้ามาในร้านของตน
จากการพลิกแฟ้มประวัติผู้ต้องหา เคยติดคุกคดีลักทรัพย์ 3-4 ปี และได้พ้นโทษออกมาช่วงเดือน ก.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากพ้นโทษมา ได้ก่อเหตุขโมยรถซาเล้ง ภายในกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ตรัง ขโมยของในโชว์รูมกระเบื้อง จ.ตรัง ขโมยของภายในบ้านพักบ้านพักพนักงานการประปาส่วนภูมิภาค จ.ตรัง และเข้าก่อเหตุลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายที่ร้านขายมือถือดังกล่าว ก่อนจะถูกจับกุม.
