ชาวไทยเชื้อสายจีนแห่กราบไหว้ขอพร “ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย” ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองตรัง เพื่อขอพรรับวันแรกของปีอย่างคึกคัก แต่ลดน้อยกว่าปีก่อนๆ ขณะที่หมูย่างเมืองตรังกลับมีคนนำมาถวายน้อย ผลพวงจากราคาหมูย่างที่ต้องปรับราคาตามถึงกิโกกรัมละ 500 บาท ด้านหนึ่งในผู้เข้าขอพร เผยอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้อง และปัญหาโควิดอย่างเร่งด่วน
วันนี้ 1 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ที่ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย ตั้งอยู่บนถนนเพลินพิทักษ์ ในเขตเทศบาลนครตรัง ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองตรัง ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวตรัง ชาวไทย และชาวต่างชาติ เดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวผู้คนที่ศรัทธาต่อองค์ศักดิ์สิทธิ์ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย ต่างได้มีการจุดธูปเทียน ตะเกียงน้ำมัน พร้อมนำผลไม้ เป็ด ไก่ มาถวาย ส่วนผู้ที่มีฐานะดีหรือประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ก็จะนำหมูย่างมาถวาย ขณะที่บางคนที่ต้องการโชคลาภ ก็จะมีการเสี่ยงเซียมซี รวมทั้งถวายประทัดตามความเชื่อ และศรัทธาของผู้ที่มากราบไหว้องค์ศักดิ์สิทธิ์
โดยในปีนี้ผู้คนต่างมากราบไหว้โดยรวมค่อนข้างจะคึกคัก แต่ลดน้อยลงกว่าปีก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก อย่างเห็นได้ชัด ส่วนการนำหมูย่างเมืองตรังมาถวายมีจำนวนลดน้อยลงเป็นอย่างมาก จากปีก่อนๆ มีการนำมาถวายเป็นหลายสิบตัว โดยในวันนี้กลับพบเห็นว่ามีการนำมาถวายเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น โดยอาจจะเป็นผลพวงมาจากราคาหมูที่มีราคาสูง ทำให้ผู้ประกอบการหมูย่างเมืองตรัง ต้องปรับราคาเพิ่มสูงเป็นกิโลกรัมละ 500 บาท
นางอารี อภิญญานนท์ หรือเจ๊เง็ก อายุ 57 ปี ชาว อ.เมืองตรัง อาชีพเจ้าของธุรกิจวินาศภัย กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาไหว้พระกับครอบครัวทั้งหมด 9 คน ด้วยความที่เราเป็นคน จ.ตรัง จึงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่ไหว้พระทำบุญขอพรช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่เคารพศรัทธา ของคน จ.ตรัง วันนี้ก็ขอพรให้ตัวเองและครอบครัวมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ทำมาค้าขายคล่อง หากปีใหม่นี้อยากได้ของขวัญจากรัฐมากเยอะมาก เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา ในบางอาชีพได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 เยอะมาก ก็อยากให้รัฐบาลช่วยดูแลในส่วนของอาชีพที่ได้รับลกระทบจากโรคระบาด เพราะบางรายที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว กลับต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่นกันค่อนข้างหมด เพราะไม่มีคนเข้ามาท่องเที่ยว มองว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นปัญหาสำคัญหลักของประเทศในขณะนี้
ส่วนหนึ่งก็อยากให้รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มแข็ง และเข้มงวดมากขึ้น เพราะช่วงหลังๆมาค่อนข้างจะหละหลวมมากขึ้น และความรับผิดชอบของแต่ละคนมีแตกต่างกัน โดยสังเกตได้จากคลัสเตอร์ต่างๆที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากการไม่รับผิดชอบต่อสังคม รัฐบาลจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาตรงนี้.