Thailand Web Stat Truehits.net

ทุกข์ชาวบ้าน! กรมเจ้าท่า สั่งรื้อที่อยู่อาศัย ทำชาวบ้านระทมหนักกลายเป็นคนเร่ร่อน

ทุกข์ชาวบ้าน! ชาวบ้านปากคลอง ต.บ่อน้ำร้อน ริมแม่น้ำตรังทุกข์หนัก ถูกกรมเจ้าท่าฯ ไล่ที่อยู่อาศัย สั่งรื้อถอนบ้าน แจ้งความอาญา หลังถูกนายทุนร้องเรียนล่วงล้ำลำน้ำ ทั้งที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายชั่วอายุคน ตบเท้าพึ่งศูนย์ดำรงธรรม ตัดพ้อทั้งน้ำตา การศึกษาน้อย คงต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน นอนใต้สะพานลอย วอนอธิบดีกรมเจ้าท่าผ่อนผัน และเปิดโอกาสให้ขออนุญาตให้อาศัยถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.พ.65 ที่ศาลากลาง จ.ตรัง นายโชติทิวัตถ์ ตั่นเล่ง หรือชาย อายุ 44 ปี ตัวแทนชาวบ้าน พร้อมด้วยชาวบ้าน หมู่ 9 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง กว่า 50 ชีวิต ได้เดินทางมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง หลังจากที่ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง ได้มีหนังสือคำสั่ง ส่งถึงชาวบ้านจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองบ้านรวม 8 หลังคาเรือน ในพื้นที่ บ้านปากครอง หมู่ 9 ต.บ่อน้ำร้อน ให้ทำการรื้อถอนบ้านที่ล่วงล้ำน่านน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตออกไปจากแม่น้ำตรังให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือคำสั่ง โดยทางเจ้าท่าฯ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาด้วยเช่นกัน  ทำให้ชาวบ้าน 8 หลังคาเรือนดังกล่าว ซึ่งประกอบอาชีพชาวประมงพื้นบ้าน ไม่มีทรัพย์สินเงินทองใดๆ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากจะไร้ที่อยู่อาศัย และชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวอีกกว่า 30 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่ง ก็ต่างหวั่นว่าหลังจากนี้จะได้รับความเดือดร้อนตามกันไปอีกด้วย เนื่องจากบ้านแต่ละหลังมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้ป่วยติดเตียง และคนชราอาศัยอยู่ด้วย  โดยมีนายไพบูลย์ โอมาก รอง ผวจ.ตรัง เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ และเป็นประธานในการพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกับ นายศรีอนันต์ พุ่มเกื้อ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    

นายโชติทิวัตถ์ ตั่นเล่ง หรือชาย ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า กรมเจ้าท่าฯ ได้รับการร้องเรียนจากเอกชน ซึ่งเป็นนายทุนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ว่าชาวบ้านมีการลุกล้ำน่านน้ำตั้งแต่ปี 2559 หรือ 7 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมีหนังสือมาถึงชาวบ้านให้รื้อถอนเมื่อวันที่ 14 ม.ค.65 ที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำตรัง ชาวบ้านได้อยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน จนกระทั่งกระแสน้ำได้มีการกัดเซาะพื้นดินมาเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านต่างย้ายบ้านขึ้นมาด้านบนเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำ ทำให้วันนี้ได้รับความเดือดร้อน จึงเดินทางมาเรียกร้องเพื่อให้มีการชะลอคำสั่งของกรมเจ้าท่าฯที่มาขับไล่ชาวบ้าน ตนถือว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับชาวบ้าน เพราะเขาประกอบอาชีพสุจริต ทำประมงพื้นบ้านเล็กๆ เพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่วันนี้กลับโดนคำสั่งจากรัฐ ทั้งที่ที่ผ่านมาพวกเขาก็ลำบากอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ซ้ำเติมและรังแกกันเข้าไปอีก

ขณะที่ นายสมชาย สุวรรณรัตน์  อายุ 50 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า เดือดร้อนเยอะมาก ทุกคนหาเช้ากินค่ำ หากินอยู่กับการประมง การศึกษามีน้อย สูงสุดก็จบกันแค่ชั้น ป.6  พวกเราอยู่อาศัยริมตลิ่งของแม่น้ำมาตลอด เมื่อน้ำกัดเซาะตลิ่ง พวกเราก็ขยับบ้านกันขึ้นไปเรื่อยๆตามกาลเวลาของพื้นที่ และเมื่อถูกไล่ที่ถามว่าพวกเราจะไปอยู่กันที่ไหน เพราะไม่มีทรัพย์สินใดๆกันเลย ก็ต้องกลายเป็นคนแร่ร่อน คงต้องไปอยู่กันใต้สะพานลอย มันก็ไม่ใช่ บ้านทุกหลังมีบ้านเลขที่หมด เรารู้มาตลอดว่าที่แห่งนี้มีเจ้าของคือรัฐ พวกเราก็อยู่มาตลอด โดยที่ไม่ได้ลุกล้ำน่านน้ำ แค่ขยับบ้านขึ้นมาตามการกัดเซาะ จะไปซื้อที่ก็ไม่มีเงิน ไม่มีปัญญา ยิ่งมาโดนไล่ที่ก็ถือว่าจบชีวิต ยิ่งช่วงนี้โควิด – 19 จะไปทำอะไรกิน จะไปกู้เงินใครเขาจะให้ มีแต่ปัญหารุมเร้าเข้ามา มันจะบ้าตายกันหมดแล้ว 

ทั้งนี้ ได้ใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 2 ชม. หลังจากเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมและพูดคุยหารือกับตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ทางนายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ได้เดินทางลงตรวจสภาพพื้นที่ดังกล่าวพร้อมด้วยฝ่ายปกครอง อ.กันตัง และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากันตัง เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงโดยทันที พร้อมทั้งมีข้อตกลงให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง ทำหนังสือร้องอุทธรณ์ไปถึงอธิบดีกรมเจ้าท่า โดยเสนอผ่านผู้ว่าราชการ จ.ตรัง เป็นผู้ลงนาม ร้องขอให้อธิบดีสั่งการผ่อนผันให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัยกันไปก่อน เนื่องจากเป็นปัญหาที่ชาวบ้านเดือดร้อน หรือเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้มีการขออนุญาตเพื่อขออยู่อาศัยย้อนหลังให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยจะต้องรอการพิจารณาและอนุมัติต่อไป.

Leave a Comment

Your email address will not be published.