เกษตรกรชาวนาโยงใต้ หันมาทำนาแบบอินทรีย์บนเนื้อที่ 10 ไร่ โดยเลือกปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง 3 ชนิด ผลผลิตที่ได้เข้าโรงสีชุมชน สีออกมาเป็นข้าวกล้องปลอดสาร ขายออนไลน์หวังให้ลูกค้าได้บริโภคข้าวดี ราคาถูกกว่าท้องตลาด ขณะที่ชาวนาเองก็ไม่ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง
วันที่ 9 มี.ค.65 นายชัยพร จันทร์หอม อดีตข้าราชการวัย 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 4 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ ด้วยการหันมาพลิกผืนนาร้างหลังบ้านบนเนื้อที่ 10 ไร่ ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองรวม 3 สายพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งข้าวที่ปลูกได้แก่ ข้าวเล็บนก ข้าวเบายอดม่วงและข้าวนางขวิด เป็นข้าวอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็น โดยได้ผลผลิตต่อปีประมาณ 2.5 ตัน หรือประมาณ 250 กิโลกรัมต่อไร่ นำเข้าโรงสีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยจ่ายค่าสีข้าวกิโลกรัมละ 1 บาท สีออกมาเป็นข้าวกล้องทั้ง 3 สายพันธุ์ เพราะจะได้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน ทั้งปลายข้าว จมูกข้าว เกลือแร่และวิตามินต่าง ๆ เมื่อเหลือจากการเก็บไว้บริโภคในครัวเรือนและแจกให้กับบรรดาญาติพี่น้องแล้ว ก็ยังมีเหลือขายอีกประมาณ 1,200-1,300 กิโลกรัมต่อปี
นายชัยพร กล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มพี่น้องเกษตรกรได้ขายผ่านทางออนไลน์ ราคากิโลกรัมละ 40-60 บาท หากซื้อตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาก็จะลดลงมาอีกกิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งเกษตรกรหวังให้ผู้บริโภคได้กินข้าวกล้องปลอดสาร ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ที่มีราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-120 บาท นอกจากนี้ การสีข้าวขายเองทางออนไลน์ เป็นการปิดช่องทางการถูกพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อ เพื่อนำไปเป็นข้าวขัดขาวและแช่ยาป้องกันมดมอด และยังเป็นการอนุรักษ์วิถีการทำนา ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่ให้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองสูญหายไป ซึ่งแต่ละปีสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรตั้งแต่ 36,000-40,000 บาท ส่วนใครสนใจข้าวกล้องอินทรีย์พันธุ์พื้นเมือง 100 เปอร์เซ็น ตอนนี้มีวางจำหน่ายแล้วที่หน้าบ้านของเกษตรกร หรือสามารถติดต่อได้ทางเฟสบุ๊ก นายชัยพร จันทร์หอม หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 094-5955158
นายชัยพร เกษตรกรผู้ทำนาอินทรีย์ในพื้นที่ ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง กล่าวด้วยว่า ถ้าขายเป็นข้าวเปลือกเกวียนหนึ่งจะได้ 16,000-18,000 บาท แต่พอมาทำข้าวกล้องเพราะเสียดายข้าวหากนำไปขัดขาวจะเหลือแค่ 40 เปอร์เซ็น หรือเหลือแต่แป้ง แต่พอทำข้าวกล้องจะได้วิตามิน เกลือแร่ครบถ้วน จมูกข้าวยังดี และตนต้องการรณรงค์ให้คนกินข้าวกล้องด้วย แต่ถ้ามาดูที่ขายกันในห้างจากโรงสีมาตรฐาน ราคาจะต้อง 100-120 บาท ซึ่งคนทั่วไปเข้าไม่ถึง เพราะคนทั่วไปจะซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 25-30 บาทก็ถือว่าสูงแล้ว ตนจึงมาทำข้าวกล้องราคาถูก คุณภาพมาตรฐานแต่โรงสีอาจจะไม่มาตรฐานเท่าโรงสีขนาดใหญ่ โดย ปีที่ผ่านมามีกลุ่มต่าง ๆ สนใจเรื่องของข้าวอินทรีย์ ตนขายในกลุ่มเครือข่ายสาธารณสุขบาง เกษตรบ้างและตลาดของคนรักสุขภาพบ้าง ซึ่งตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนสีข้าวสารไปประมาณ 10 กระสอบหรือประมาณ 400 กว่ากิโลกรัมแล้ว ก็ถือว่าใช้ได้.