Thailand Web Stat Truehits.net

แก๊งค์เซลล์หลอกขายสินค้าร้านชำ ยัดสบู่ 20 แพ็ค ราคา 1.9 หมื่น ออกอาละวาด

เตือนภัย! แก๊งคนร้ายอ้างตัวเป็นเซลล์ขายสินค้าร้านของชำ ก่อนใช้กลลวงอุบาย หลอกขายสินค้าอุปโภค บริโภค แต่กลับซ่อนสบู่ในราคา 20 แพ็ค 19,000 บาทอย่างแยบยล จนเจ้าของร้านไม่ทันตรวจสอบ หนึ่งในผู้เสียหายตัดพ้อตำรวจช่วยไม่ได้ ตัดสินใจประจันหน้าล่าคนร้ายด้วยตัวเอง จนนำเงินที่ถูกลวงกลับมาได้ วอนตำรวจตามลากคอ

เวลา14.00 น. วันที่ 6 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับการเปิดเผยภาพวงจรปิดของร้านมังกรทอง ขายของชำ ตั้งอยู่เลขที่ 226 หมู่ 1 ถ.พิกุลทอง ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง และกล้องหน้ารถ รวมทั้งกล้องวงจรปิดตามเส้นทางถนนสาย ตรัง-ปะเหลียน ได้บันทึกภาพรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบอร์นเงิน สภาพแต่งซิ่ง ใส่แครี่บอย ทะเบียน บพ 5529 ชัยภูมิ ซึ่งเป็นกลุ่มของคนร้ายชาย จำนวน 3 ราย ขับเข้าร้านของชำดังกล่าว เพื่อหลอกเสนอขายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ราคาถูก โดยมีการใช้กลอุบายล่อลวงให้เจ้าของร้านซื้อสินค้าตามปกติ แต่จะแอบนำเอาสินค้าที่เป็นสบู่ อยู่ในรายการในราคาที่สูงเกินจริงเป็นอย่างมาก โดยที่เจ้าของร้านไม่ทันได้สังเกต หรือตรวจสอบได้ทัน โดยในขณะนี้ได้อาละวาดเป็นอย่างหนัก ในพื้นที่ จ.ตรัง และข้างเคียง มีผู้เสียหายหลายราย แต่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้

นายชาญวิทย์ ศรีจรรยา หรือกร อายุ 33 ปี เจ้าของร้านมังกรทอง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เวลาประมาณ 13.09 น. วันที่ 3 เม.ย.65 ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุตีเนียนเหมือนเซลล์ขายสินค้าร้านของชำทั่วไป ขับขี่รถยนต์เดินลงมา 1 คน มาเสนอขายสินค้าอุปโภค บริโภคทั่วไป ตอนแรกก็ปฎิเสธไป โดยตนเสนอให้ทิ้งเบอร์ แอดไลน์ไว้ แต่ทางผู้ก่อเหตุบอกว่าไม่ได้เดี๋ยวผิดกฎบริษัท ตนก็เลยถามถึงราคาสินค้าก็มีการอธิบายมา ไม่ว่าเราจะถามรายละเอียดสินค้า พวกเขาจะตอบได้หมดอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดที่เรารับมาขาย โดยมีสินค้าอยู่หลังรถ โดยตนก็แจ้งว่าจะเอาสินค้าในบางรายการ แต่กลับบอกตนว่าเลือกเอาบางรายการไม่ได้ เปิดบิลครั้งแรกจะต้องเอาตามรายการที่เขาลิสต์มาเท่านั้น

นายชาญวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนที่ตนจะตอบปฎิเสธไป แต่พวกเขากลับมาเสนอว่าหากสินค้าไหนที่ไม่ขายให้รับไว้ก่อน แล้วค่อยแลกกันสินค้าอื่นในรอบหน้า ตนจึงตอบตกลงและสั่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แต่ทางเขาบอกว่าวันนี้ไม่ได้นำมาจะเอามาให้วันถัดไป ก่อนที่จะมีการคำนวณราคาเป็นเงินทั้งหมด 27,636 บาท จึงตกลงซื้อขาย และมีชายอีก 2 คน ยกของลงมาจากรถ ก่อนจะมาเรียงสินค้า และให้เราตรวจเช็กสินค้า จำนวน 60 รายการ ทุกรายการจะเป็น 2 แพ็ค 2 โหล หรือ 2 กล่อง โดยธรรมชาติของการเช็กสินค้าจำนวนมาก เราจะอ่านแค่ชื่อรายการสินค้า กับจำนวนแพ็ค โดยไม่ได้ดูราคา ก่อนที่ตนจะจ่ายเงิน ด้วยการโอน แต่เขาบอกว่าไม่ได้การเปิดบิลครั้งแรกจะต้องจ่ายเป็นเงินสด ก่อนที่ตนจะนับเงินสดให้ เป็นธนบัตร1 พันบาท ธนบัตร 1 ร้อยบาท และธนบัตร 20 บาท เมื่อยื่นให้เขากลับนับเฉพาะธนบัตรใบละ 1 พัน และ 1 ร้อยบาท โดยที่ไม่นับธนบัตรยี่สิบบาทเลย ก่อนจะขับรถไปทันทีและจะรับปากว่าจะมาส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันถัดไป และสินค้าไหนที่ไม่เอาก็ให้แยกไว้

นายชาญวิทย์ เล่าต่อไปอีกว่า ตนรู้สึกเอะใจว่าปกติตนไปซื้อของที่ห้างในราคา 2 หมื่นกว่าจะได้ของมากกว่านี้ เลยตรวจสอบลิสต์รายการสินค้าอีกครั้งปรากฏว่าบิลไม่มีโลโก้บริษัทฯ ไม่มีที่อยู่ ไม่มีสำเนา เมื่อโทรไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ กลับติดต่อไม่ได้ ก่อนจะมาตรวจสอบรายการสินค้า ปรากฏว่ารายการสบู่ทั้งหมด 20 แพ็ค ราคาแพ็คละ 998 บาท รวมราคา 20 แพ็ค 19,960 บาท เลยเช็กราคาสบู่ดังกล่าวปรากฏว่าราคาจริงๆ อยู่ที่แพ็คละ 90 บาท ซึ่งก็รู้ทันทีว่าถูกหลอกแล้ว ตนก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำกับ ร.ต.อ.สุวิทย์ สุวรรณราช รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว และให้ตนกลับมาหาหลักฐาน ก่อนจะได้ภาพกล้องวงจรปิดที่ร้าน 1 ตัว และตามแกะรอยภาพดูกล้องจากเทศบาล ต.ย่านตาขาว โดยเมื่อไล่กล้องพบว่าคนร้ายเดินทางมาจากตัว อ.เมืองตรัง โดยเจาะจงขับมาที่ร้านตนโดยเฉพาะ แต่ทุกกล้องไม่สามารถจับทะเบียนรถไว้ได้ เนื่องจากเป็นทะเบียนสีไม่ชัดเจน ซึ่งตนก็ได้มาตรวจสินค้าอื่นๆ ก็รู้ว่าน่าจะซื้อมาจากห้างขายส่งแห่งหนึ่ง จึงเดินทางไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางห้างแจ้งว่าจะต้องทำเรื่องไปถึงส่วนกลาง ระหว่างนั้นนั้นรถยนต์ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาที่ห้างขายส่งแห่งนั้นจริงๆ ตนจึงออกไปซุ่มดู เป็นชายทั้ง 3 รายจึงเดินเข้าไปซื้อของและถ่ายรูปรถและทะเบียนที่ซีดมากก่อนโทรแจ้งร้อยเวรฯ เพื่อให้ประสานตำรวจเข้าตรวจสอบ แต่กลับตอบมาว่าไม่มีชื่อ ออกหมายจับไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ตนจึงนั่งเฝ้ารถร่วมกับ รปภ. ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาเดินออกมา ตนจึงขับรถของตนไปขวางหน้ารถคนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะเดินลงมา และตนก็ชี้หน้าด่าว่าเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งจำตนได้ เข้ามาเจรจาบอกว่าจะคืนเงินให้กลับอย่างเดียว แต่ตนบอกว่าเดี๋ยวไปทำกับคนอื่นอีก

นายชาญวิทย์ เล่าอีกว่า ช่วงจังหวะนั้นตนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราอยู่คนเดียว ความปลอดภัยไม่มี ตำรวจก็ไม่มา ตนก็จำเป็นต้องยอมรับเงินคืน โดยที่นำเงินสดมาให้ตน 28,000 บาท โดยในกระเป๋าเขามีเงินสดเยอะมาก ซึ่งเงินที่คืนมากกว่าราคาสินค้าที่ตนได้รับ และเขาก็ไม่ขอของคืนกลับ ก่อนจะรีบขับหนีไปทันที โดยใช้เวลาคุยอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะมีคนแจ้งว่ามีคนทะเลาะวิวาทกัน และมีตำรวจสายตรวจมาตอนที่สายไปแล้ว สุดท้ายอยากฝากเตือนร้านค้าอื่นๆ ให้ระวังแก๊งนี้ ซึ่งน่าจะไปก่อเหตุอีก ที่นำสินค้าราคาถูกมาเป็นตัวล่อตาล่อใจให้ซื้อ จนลืมดูราคาสบู่ที่แอบแฝงมาในราคาที่เกินจริง ซึ่งอย่าไปหลงเชื่อกลลวงว่าสินค้าราคาถูกจะมีอยู่จริง พึงสันนิษฐานไว้เลยว่าเป็นมิจฉาชีพ เชื่อว่าทำเป็นขบวนการ ตนเสียความรู้สึกกับตำรวจมาก ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ฝากว่าถึงแม้ไม่ใช่คดีฆาตกรรม แต่เป็นภัยสังคม อยากให้ตำรวจช่วยติดตามจับคนร้ายให้ได้ ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ชาวบ้านเดือดร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ร้านค้าในพื้นที่ อ.ย่านตาขาว และใน ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง จำนวนหลายร้าน ได้ถูกแก๊งคนร้ายรายนี้ก่อเหตุใช้กลลวงฉ้อโกงเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการเข้าไปแจ้งความไว้แล้ว แต่ยังคงไม่มีการจับกุมได้แต่อย่างใด จึงขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์.

Leave a Comment

Your email address will not be published.