น้องเพลงปี่ เด็กหญิงวัย 9 ขวบสอนชาวต่างชาติรำมโนราห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้อย่างภาคภูมิใจโดยน้องเพลงปี่หัดรำมโนราห์ตั้งแต่อายุ 3 ขวบจนปัจจุบันเป็นครูสอนมโนราห์ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 14 พ.ค.65 ที่บ้านมโนราห์ ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง เปิดบ้านให้การต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยนหรืออาสาสมัครนานาชาติจากประเทศสวีเดน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและสวิสเซอร์แลนด์ รวม 5 คน ที่ได้ให้ความสนใจในการเรียนการร้อยลูกปัดมโนราห์ตามจินตนาการของตัวเอง ซึ่งเป็นสร้อยลูกปัด hand made หนึ่งเดียวในโลกที่ต่างคนต่างคิดและร้อยออกมาโดยไม่ซ้ำแบบกัน เมื่อร้อยเสร็จแล้วทุกคนก็จะได้สร้อยลูกปัดกลับไปเป็นของที่ระลึกฟรีด้วย
นอกจากนี้ นักเรียนแลกเปลี่ยนยังสนใจเรียนรู้การรำมโนราห์จากน้องเพลงปี่อายุ 9 ขวบหรือ ด.ญ ศรัทธาธาร พุฒนวล ทายาทของบ้านมโนราห์ ที่หัดรำมโนราห์มาตั้งแต่อายุ 3 ขวบด้วย โดยมีชุดมโนราห์ให้ชาวต่างชาติสวมใส่และรำมโนราห์ออกท่าทางตามน้องเพลงปี่ เริ่มตั้งแต่ท่าง่ายไปจนถึงท่ายากโดยใช้เวลาฝึกสอนประมาณ 30 นาที และร่วมถ่ายภาพท่ารำมโนราห์เป็นที่ระลึก ซึ่งที่บ้านมโนราห์เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมและฝึกรำมโนราห์เต็มรูปแบบ รวมทั้งการร้อยลูกปัดมโนราห์แล้ว หลังประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริม เผยแพร่และร่วมสืบสานการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวภาคใต้ไม่ให้สูญหายไป โดยเฉพาะมโนราห์ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับไม่ได้จากยูเนสโก ทำให้นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเรียนรู้และเยี่ยมชมเพิ่มมากขึ้น โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.-17.00 น. ส่วนเยาวชนหรือประชาชนคนใดสนใจรำมโนราห์ เพื่อร่วมสืบสานและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ จนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 089-5894761
ด้านนางณัชชญา นามกร อายุ 43 ปีเจ้าของ host family ชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง กล่าวว่า อันดับแรกเขาเห็นแล้วเขาตื่นตาตื่นใจมากแค่เห็นชุดมโนราห์ แต่พอเห็นการร่ายรำก็รู้สึกว่ามันพิเศษ เป็นอะไรที่ยากแต่ชอบและสนใจมาก โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่พาน้อง ๆ มาแต่คนละกลุ่มกัน ซึ่งทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและสนใจโดยบอกว่ามันแตกต่างจากบ้านเขาโดยสิ้นเชิง เพราะของเราตั้งแต่เครื่องประดับมันมีความละเอียด ละเมียดละไมทุกอย่างเลย และคิดว่าเขาจะไปบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้มาเรียนรู้ที่นี่ให้กับคนอื่นรับทราบต่อไป ซึ่งตอนนี้ที่บ้านของตนมีอยู่ 3 คน คือมาจากฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และจากญี่ปุ่น หรือมาจากทั่วโลกโดยไม่ซ้ำกันในแต่ละปี และคิดว่าโครงการนี้ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ซึ่งตนก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหารและวิถีของเขา ซึ่งหลายอย่างเราคิดว่าฝรั่งเหมือนกันหมด แต่ความจริงแล้วแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราเองก็ได้เรียนรู้จากเขาและเขาเองก็ได้เรียนรู้จากเราด้วย.